“ปลาทูน่า” ประโยชน์จากท้องทะเล

หน้าแรก      สาระน่ารู้
ถูกใจ
0    9,526    4    26 ต.ค. 2559 16:02 น.   
แบ่งปัน

ถ้าพูดถึงอาหารที่คนนิยมรับประทานสำหรับช่วงลดน้ำหนัก หนึ่งในนั้นก็ต้องมีปลาทูน่า เพราะนอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยจนเกินบรรยายแล้ว ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายไม่ว่าจะเป็น โปรตีนชนิดย่อยง่าย, วิตามินนานาชนิด, ไอโอดีน รวมทั้ง โอเมก้า 3 แถมยังเป็นอาหารที่มีแคลอรีต่ำอีกด้วย สำหรับปลาทูน่าที่นิยมรับประทานกันนั้นมีตั้งแต่การรับประทานแบบสด ๆ เป็นซาชิมิรสเลิศ หรือจะนำไปผ่านกรรมวิธีปรุงสุกต่างๆ ก็ดี

ปลาทูน่าที่นิยมรับประทานสด

         ปลาทูน่าเป็นปลาทะเลน้ำตื้นจนถึงปานกลาง ซึ่งที่นำมาบริโภคมีด้วยกันหลายชนิด ตัวอย่างเช่น

- ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน (Bluefin Tuna) เป็นปลาทูน่าที่มีราคาสูง ถือว่าเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับการทำซูชิ       และซาชิมิ
- ปลาทูน่าครีบยาว (Albacore Tuna) เป็นปลาทูน่าที่มีเกรดรองมาจากปลาทูน่าครีบน้ำเงิน นิยมนำไปทำซูชิและซาชิมิ เนื่องจากมีเนื้อสีขาวเนื้อแน่น คล้ายปลาทูน่าครีบน้ำเงิน
- ปลาทูน่าครีบเหลือง (Yellowfin Tuna) มักถูกนำไปเป็นทูน่าแช่แข็งและขายสด เนื้อทูน่าครีบเหลืองจะมีสีแดง แต่เมื่อถูกความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสีขาว เนื้อแน่น ไม่ยุ่ย จึงนิยมนำไปใช้ทำเป็นสเต๊กและซาชิมิ นอกจากนี้ยังมีการนำไปบรรจุกระป๋อง ซึ่งจะถูกผสมกับปลาทูน่าท้องแถบ ที่เรียกว่า ไลท์ ทูน่า รวมไปถึงแซนด์วิชสเปรดอีกด้วย
- ปลาทูน่าตาโต (Bigeye Tuna) นิยมบริโภคสดและปรุงเป็นอาหาร เนื้อปลาทูน่าชนิดนี้จะมีสีแดง แต่เมื่อโดนความร้อนแล้วสีจะไม่เปลี่ยนเป็นสีขาว จึงไม่นิยมนำไปบรรจุกระป๋อง

 

ปลาทูน่าในกระป๋องก็มีหลายแบบ

หลายคนอาจจะไม่ได้สังเกตว่าทูน่ากระป๋องที่มีวางขายอยู่ในห้างสรรพสินค้านั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และเป็นคนละชนิดกัน ดังนั้นเมื่อเราเลือกซื้อทูน่ากระป๋องเพื่อนำไปประกอบอาหารจึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับชนิดของทูน่าด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วทูน่ากระป๋องมีด้วยกัน 3 ชนิด คือ

- ทูน่าในน้ำเกลือ มีรสชาติเค็ม เหมาะสำหรับการนำไปทำอาหารที่ไม่ต้องการความมัน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

-  ทูน่าในน้ำมัน จะมีรสชาติออกมันและเค็ม เนื้อทูน่านุ่มกลมกล่อม เหมาะกับการนำไปทำอาหารที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เช่น สลัด แซนด์วิช แกง ผัด เป็นต้น ซึ่งทูน่าในน้ำมันนี้สามารถแบ่งออกตามน้ำมันที่ใส่เป็น 2 ชนิด คือน้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันดอกทานตะวัน ซึ่งน้ำมันดอกทานตะวันจะเหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ เนื่องจากในน้ำมันดอกทานตะวันมีกรดไขมัน CLA ที่ช่วยยับยั้งการเกิดไขมัน นอกจากนี้ทูน่าในน้ำมันพืชยังมีปริมาณไขมันและวิตามิน ฏ ที่สูงกว่าทูน่าชนิดอื่นอีกด้วย แต่ข้อเสียคือน้ำมันที่ใส่เข้าไปจะไปละลายไขมันที่มีโอเมก้า 3 ออกมาปนกับน้ำมัน ซึ่งเรามักจะเทน้ำมันออก ทำให้สูญเสียโอเมก้าไปในที่สุด      

 - ทูน่าในน้ำแร่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ เช่น ควบคุมน้ำหนัก เป็นโรคหัวใจ และเบาหวาน เพราะ มีรสชาติจืดมีปริมาณไขมันและเกลือต่ำมาก เหมาะที่จะนำไปปรุงอาหารประเภท ยำและต้ม

อย่างไรก็ตามยังมีการแบ่งประเภทของทูน่าออกเป็น ทูน่าสเต็ก และทูน่าแซนด์วิช เพื่อให้เหมาะกับประเภทอาหารที่จะนำไปปรุงด้วย สำหรับทูน่าสเต๊กนั้น จะเหมาะกับการทำอาหารที่ต้องการเนื้อทูน่าเป็นชิ้นเป็นอัน  เช่น แกง ผัด ทอด เป็นต้น ส่วนทูน่าแซนด์วิชเหมาะกับการทำอาหารที่ต้องการแบ่งออกเป็นคำๆ หรือเนื้อละเอียด เช่น แซนด์วิช คานาเป้ น้ำพริก หลน  เป็นต้น

สาระน่ารู้อื่นๆ