แอลจีเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2024 ผลักดันธุรกิจด้วยนวัตกรรม พร้อมรักษาสมดุลระหว่างธุรกิจหลักและการเติบโตในอนาคต เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ

0    295    0    21 พ.ค. 2567 17:21 น.   
แบ่งปัน
 

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด หรือแอลจี ประกาศรายได้รวมช่วงไตรมาสแรกในปี 2567 อยู่ที่ 21.09 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 5.67 แสนล้านบาท) และมียอดกำไรผลประกอบการอยู่ที่ 1.33 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) โดยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านยังครองความเป็นผู้นำในระดับโลก ด้วยการสร้างสถิติใหม่ในแง่ยอดรายได้และกำไรจากผลประกอบการเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในขณะที่ธรุกิจชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในการผลักดันการเติบโตในอนาคตของแอลจียังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์และกลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับธุรกิจยังคงมียอดขายเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว และยังสร้างผลกำไรเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า

แอลจีสามารถทำกำไรจากผลประกอบการได้สูงกว่า 1 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท) ติดต่อกันเป็นปีที่ห้า และได้แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินการที่แข็งแกร่งท่ามกลางสภาพการแข่งขันในตลาดที่เข้มข้น โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจด้านคอนเทนท์ บริการ และการขายตรงกับลูกค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ (OBS) ซึ่งส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างมีคุณภาพ

ในส่วนของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและโซลูชันเครื่องปรับอากาศของแอลจี ยังสามารถสร้างรายได้ในช่วงไตรมาสแรกได้ที่ 8.6 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.3 แสนล้านบาท) และสร้างกำไรผลประกอบการได้ที่ 940.3 พันล้านวอน (หรือประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท) ซึ่งได้สร้างยอดการเติบโตให้แก่รายได้อย่างมีนัยสำคัญที่ 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และสร้างสถิติใหม่ในแง่ของผลประกอบการช่วงไตรมาสแรกของแอลจี

ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ของแอลจี มียอดรายได้ในไตรมาสแรกคิดเป็นมูลค่า 2.66 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ  7.2 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 52 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.4 พันล้านบาท)  โดยนับเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น 11.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยังมีการเปลี่ยนแปลงยอดสั่งซื้อผลิตภัณฑ์คงค้างสู่การเป็นรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย แม้ว่าจะมีการลงทุนด้านการสร้างฐานผลิตในต่างประเทศเพื่อตอบสนองจำนวนคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับจ้างผลิตสินค้า (OEMs) ทางบริษัทยังสามารถรักษาผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายตัวของรายได้

ด้านกลุ่มธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีมูลค่าผลประกอบการอยู่ที่ 3.49 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 9.4 แสนล้านบาท)  โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 132.2 พันล้านวอน (หรือประมาณ 3.6 พันล้านบาท) และคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น 4.2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของกำไรผลประกอบการนี้ขับเคลื่อนโดยการฟื้นตัวของความต้องการผลิตภัณฑ์โทรทัศน์ในทวีปยุโรปประกอบกับการประสบความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในปี 2567 และจากผลการประกอบธุรกิจที่แข็งแกร่งของธุรกิจแพลตฟอร์ม webOS คอนเทนต์และการบริการรวมไปถึงการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางดั้งเดิม

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าความต้องการในตลาดโทรทัศน์จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยแอลจีมีกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปที่การยกระดับผลิตภัณฑ์ทีวีที่เป็นผู้นำในตลาดระดับโลกอย่างทีวี OLED และทีวีพรีเมียมอย่างทีวี LCD QNED และจะยังมุ่งทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ผ่านธุรกิจแพลตฟอร์ม WebOS ซึ่งมีความพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจโซลูชันธุรกิจ มีผลประกอบการในไตรมาสแรกคิดเป็นมูลค่า 1.57 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 4.2 แสนล้านบาท)  และได้รับกำไรจากการดำเนินธุรกิจอีก 12.8 พันล้านวอน (หรือประมาณ 3.4 พันล้านบาท)  โดยคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น 6.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยการเปิดตัวของแล็ปท็อป LG Gram ที่เพิ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ในช่วงการจบการศึกษาและการสมัครเข้าเรียนของนักเรียนนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ การจำหน่ายสินค้ากลุ่มจอแสดงผลเชิงพาณิชย์
อันประกอบไปด้วย กระดานไวท์บอร์ดไฟฟ้าและป้าย LED ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน

ในปีนี้ มีการคาดการณ์ว่าความต้องการสินค้าของตลาดไอทีในภาพรวมจะยังเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่จะมีการเติบโตเล็กน้อยในกลุ่มผลิตภัณฑ์จอแสดงผลเชิงพาณิชย์ โดยความต้องการสินค้าไอทีระดับไฮเอนด์อย่างจอมอนิเตอร์สำหรับเล่นเกมส์ และป้าย LED จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งแอลจีเดินหน้าที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดด้วยกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าไอทีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ผ่านการผสานฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะและหน้าจอแสดงผล OLED รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จอ LED ระดับพรีเมียมอื่น ๆ โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ที่น่าสนใจในด้านหุ่นยนต์และการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านี้จะช่วยผลักดันโอกาสการเติบโตในอนาคต

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 02-057-5757 และดูข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมติดตามกิจกรรมต่างๆ จากแอลจีได้ทาง
Facebook : LG Global
Twitter : @LG_THAILAND
Instagram : @LG_THAILAND
www.lgblogger.com
www.lg.com/th

ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์
Seafood from Norway Festival 2025 ป๊อปอัพสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมนำทุกท่านดำดิ่งสู่โลกแห่งอาหารทะเลจากน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของนอร์เวย์ ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสและสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง Seafood from Norway และผู้บริโภคชาวไทย ถ่ายทอดเรื่องราวของธรรมชาติ ผู้คน และอนาคตที่มีร่วมกัน พร้อมกิจกรรมโซนอินเทอร์แอคทีฟ ลิ้มลองเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และบูธจากพาร์ทเนอร์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–7 กันยายน 2568 เวลา 10.00–22.00 น. ณ EM MARKET ห้างสรรพสินค้า EMSPHERE กรุงเทพฯ
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก  ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เปิดนิทรรศการ “Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” หยิบซอสปรุงรสท้องถิ่นมาต่อยอดในมุมมองใหม่ภายใต้แนวคิด “วัฒนธรรมที่กินได้” ร้อยเรียงเรื่องราวผ่าน 4 โซนนิทรรศการที่ชวนสำรวจทั้งวัฒนธรรมการกิน ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านขวดซอส ลิ้มรสซอสไทย ที่ถูกครีเอตในรูปแบบใหม่ พร้อมมองโอกาสของเครื่องปรุงไทยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยนิทรรศการดังกล่าวสามารถเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 พฤศจิกายน 2568 ณ Front Lobby ชั้น 1 TCDC กรุงเทพฯ