ผู้เลี้ยงหมู ร้องภาครัฐตรวจค้นซ้ำ หวั่น “หมูเถื่อน” ยังตกค้างแทรกแซงราคาหมูไทย

0    403    0    11 มิ.ย. 2567 15:24 น.   
แบ่งปัน

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ขอรัฐตรวจสอบหมูเถื่อนซ้ำทั่วประเทศและเร่งดำเนินคดี หวั่นยังมีตกค้างพร้อมระบายออกมากดราคาหมูไทยไม่ผ่านเส้นคุ้มทุน เกษตรกรเผชิญปัญหาต้นทุนการผลิตสูงสวนทางกับราคาที่ยังยืนอ่อน กดดันเกษตรกรต้องออกจากอาชีพ
 
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า จากการที่สมาคมฯ ได้ร่วมสังเกตการณ์ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง ซึ่งเป็นตู้ตกค้างล็อตที่ 2 พบ “หมูเถื่อน” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนแช่แข็ง ทั้งเนื้อหมูสามชั้นและเครื่องใน จำนวน 460 ตัน และได้ส่งมอบให้กรมปศุสัตว์เพื่อนำของกลางดังกล่าวไปทำลายฝังกลบตามขั้นตอนตามหลักวิชาการ เพื่อป้องกันโรคระบาด
 
การเข้าตรวจค้นซ้ำที่ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 เป็นการขยายผลจากการจับกุมหมูเถื่อน 161 ตู้ เมื่อปลายปี 2566 ทำให้พบตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างอีก 92 ตู้ ในจำนวนนี้เป็นตู้ต้องสงสัยว่าเป็นหมูเถื่อน 16 ตู้ และมีการตรวจเพิ่มอีก 1 ตู้ รวมทั้งหมด 17 ตู้ ได้ของกลางหมูเถื่อนตามที่คาดการณ์ไว้ โดยในตู้สุดท้ายมีการซุกซ่อนมากับปลาทะเลแช่แข็ง
 
“หมูเถื่อนที่เข้ามาในประเทศไทยแม้จะจับกุมได้น้อยลงแต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มยังไม่สามารถปรับขึ้นข้ามเส้นคุ้มทุนไปได้ ซึ่งราคาหน้าฟาร์มขณะนี้อยู่ที่ 68-74 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนยังสูง 80-82 บาทต่อกิโลกรัม สวนทางกับการบริโภคของประชาชนที่ยังชะลอตัวตามเศรษฐกิจ” นายสิทธิพันธ์ กล่าว
 
นอกจากนี้เกษตรกรยังมีความยากลำบากในการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์ ค่าไฟฟ้า ค่าพลังงาน และปัจจัยการป้องกันโรค ล้วนทำให้ค่าใช้จ่ายในฟาร์มและต้นทุนการเลี้ยงหมูต่อตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นเฉลี่ยที่ 11.20 - 12 บาทต่อกิโลกรัม และไม่สามารถหาข้าวโพดได้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาอากาศแปรปรวนผลผลิตมีน้อย โดยปกติไทยผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ปีละ 5 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการสูงถึง 8 ล้านตัน ต้องนำเข้าทดแทนส่วนขาดปีละ 3 ล้านตัน
 
ผู้เลี้ยงหมูไทยประสบปัญหาขาดทุนสะสมมานานกว่า 1 ปี หลังเผชิญวิกฤตราคาหมูตกต่ำในปี 2566 จากหมูเถื่อนที่ทะลักเข้ามาในประเทศมากกว่า 64,000 ตัน ต้นทางจากประเทศบราซิลและประเทศทางยุโรปที่มีต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 40-50 บาทต่อกิโลกรัม (ราคาหมูมีชีวิต) ซึ่งต่ำกว่าไทย 50% กดดันให้เกษตรกรไทยต้องยอมขายในราคาขาดทุน จนถึงขณะนี้มีเกษตรกรต้องเลิกอาชีพไปแล้วไม่น้อยกว่า 50,000 ราย
 
นายสิทธิพันธ์ กล่าวว่า อยากขอให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบหมูเถื่อนที่ยังตกค้างอยู่ในประเทศทั้งในห้องเย็นและท่าเรือต่างๆ โดยเฉพาะท่าเรือคลองเตย ที่ยังมีตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างอีกจำนวนหนึ่ง และเร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำตามกฎหมายทุกคน เพราะหมูเถื่อนเป็นปัจจัยทำให้เกิดหมูส่วนเกิน ราคาหมูไทยจึงไม่เป็นไปตามกลไกตลาด เกษตรกรไทยไม่สามารถแข่งขันได้  และจนถึงขณะนี้ หมูเถื่อนที่เข้ามานานกว่า 1 ปี เป็นหมูที่หมดอายุ ไม่เหมาะกับการบริโภค ที่สำคัญไม่ผ่านการตรวจสอบสารตกค้าง สารปนเปื้อน โดยเฉพาะสารเร่งเนื้อแดง ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ทำให้คนไทยอยู่ในภาวะเสี่ยง  จึงจำเป็นต้องปราบปรามให้หมดสิ้น เพื่อยกระดับความปลอดภัยทางอาหารของคนไทยและสนับสนุนผู้เลี้ยงหมูไทยมีกำลังใจสานต่ออาชีพเลี้ยงหมูต่อไป
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์
Seafood from Norway Festival 2025 ป๊อปอัพสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมนำทุกท่านดำดิ่งสู่โลกแห่งอาหารทะเลจากน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของนอร์เวย์ ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสและสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง Seafood from Norway และผู้บริโภคชาวไทย ถ่ายทอดเรื่องราวของธรรมชาติ ผู้คน และอนาคตที่มีร่วมกัน พร้อมกิจกรรมโซนอินเทอร์แอคทีฟ ลิ้มลองเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และบูธจากพาร์ทเนอร์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–7 กันยายน 2568 เวลา 10.00–22.00 น. ณ EM MARKET ห้างสรรพสินค้า EMSPHERE กรุงเทพฯ
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก  ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เปิดนิทรรศการ “Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” หยิบซอสปรุงรสท้องถิ่นมาต่อยอดในมุมมองใหม่ภายใต้แนวคิด “วัฒนธรรมที่กินได้” ร้อยเรียงเรื่องราวผ่าน 4 โซนนิทรรศการที่ชวนสำรวจทั้งวัฒนธรรมการกิน ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านขวดซอส ลิ้มรสซอสไทย ที่ถูกครีเอตในรูปแบบใหม่ พร้อมมองโอกาสของเครื่องปรุงไทยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยนิทรรศการดังกล่าวสามารถเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 พฤศจิกายน 2568 ณ Front Lobby ชั้น 1 TCDC กรุงเทพฯ