เชลล์ สานต่อ เชลล์ชวนชิม ครบรอบ 58 ปี เดินหน้าการันตีความอร่อยทั่วประเทศ

1    2,292    9    18 ก.ย. 2562 14:12 น.   
แบ่งปัน

เชลล์ สานต่อ เชลล์ชวนชิม ครบรอบ 58 ปี
เดินหน้าการันตีความอร่อยทั่วประเทศ

   บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด สานต่อเชลล์ชวนชิม ครบรอบ 58 ปี ของสัญลักษณ์แห่งความอร่อยที่ผู้บริโภคมั่นใจ เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเชลล์ในการ ‘เติมสุขให้ทุกชิวิต’ เปิดตัว ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์  นักชิมระดับแนวหน้าของประเทศ ในฐานะนักชิมคนใหม่ของเชลล์ชวนชิม ชูดิจิทัลแพลตฟอร์มพร้อมรายชื่อร้านอาหารที่ยังเปิดให้บริการและได้รับการรับรองจากเชลล์ชวนชิมเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย พร้อมมอบตราเชลล์ชวนชิมแก่สุดยอดร้านอาหาร 10 ร้านแรกจากทั่วประเทศ มุ่งมั่นให้สถานีบริการเชลล์เป็นจุดหมายปลายทางแห่งความอร่อย

   นายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เชลล์ชวนชิม เริ่มปฏิวัติวงการอาหารไทยในปี พ.ศ. 2504 โดย ม.จ.ภีศเดช รัชนี ซึ่งในสมัยนั้นท่านทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการแผนกส่งเสริมการขายและโฆษณาของเชลล์ ได้ทรงดำริที่จะส่งเสริมการใช้แก๊สหุงต้มสำหรับร้านอาหารและครัวเรือนให้เป็นที่แพร่หลาย ท่านจึงได้ทรงปรึกษากับ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ และเกิดเป็นแนวคิดที่จะชูเรื่องอาหาร โดยการแนะนำอาหารอร่อยในประเทศไทย ถือเป็นการกำเนิด “เชลล์ชวนชิม”  โดยมีเชลล์เป็นผู้สนับสนุน ในวันนี้เชลล์ จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในการสานต่อการครบรอบ 58 ปีของ “เชลล์ชวนชิม” ที่ยืนยันความอร่อยคู่ลิ้นคนไทยมาอย่างยาวนาน

   
สำหรับการสานต่อการครบรอบ 58 ปีของเชลล์ชวนชิมในครั้งนี้ เชลล์ได้ทำให้เชลล์ชวนชิมมีภาพลักษณ์และรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในปัจจุบันที่มักจะหาข้อมูลใหม่ๆ ทางออนไลน์เพื่อตามรอยในช่วงเวลาพักผ่อนหรือในระหว่างการเดินทาง โดยพวกเขาสามารถเข้าถึงร้านอร่อยในตำนานเชลล์ชวนชิมผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์มได้ บนเว็บไซต์ www.shellshuanshim.com เฟซบุ๊ก (@shellshuanshimofficial) และยูทูป เชลล์ชวนชิม (Shellshuanshim channel) เพื่อให้เชลล์ชวนชิมเป็นสัญลักษณ์ความอร่อยของคนทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ เชลล์ยังมีแผนการที่จะนำร้านที่ได้รับตราเชลล์ชวนชิมไปเปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ในอนาคตอีกด้วย

   นางสาวอรอุทัย ณ เชียงใหม่ กรรมการบริหาร ธุรกิจการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เชลล์มีความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดีว่า ไม่ได้ต้องการแค่น้ำมันคุณภาพในสถานีบริการน้ำมันระหว่างเดินทางเท่านั้น แต่ยังต้องการการดูแลและความสะดวกสบายที่ครบวงจร
ด้วยเหตุนี้เองเชลล์จึงเดินหน้าในการปรับปรุงและขยายสถานีบริการน้ำมันเชลล์ทั่วประเทศเพื่อมอบความสะดวกสบายเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์และ
รถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงห้องน้ำสะอาด เชลล์ชวนชิมซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความอร่อยที่ชาวไทยคุ้นเคยกันดีจะเป็นสิ่งเติมเต็มทำให้สถานีบริการน้ำมันเชลล์แตกต่างเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มองหาของอร่อยระหว่างการเดินทาง โดยบริษัทฯ มีแผนการที่จะนำร้านอาหารที่ได้รับตราเชลล์ชวนชิมมาเปิดให้บริการที่สถานีบริการน้ำมันเชลล์ทั่วประเทศเพื่อพัฒนาให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งความอร่อย เรียกได้ว่าถ้านึกถึงร้านอร่อยจะต้องนึกถึงสถานีบริการน้ำมันเชลล์ เพื่อเติมเต็มให้สถานีบริการน้ำมันเชลล์เป็น “สถานีเติมสุข” แก่ผู้บริโภคอย่างครบวงจร รวมถึงเปิดโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่นั้น โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ 02-657-9888

   เชลล์ชวนชิม ยังได้รับเกียรติจาก ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการอาหารในประเทศไทยและชิมอาหารมาแล้วทั่วประเทศ มาเป็นนักชิมคนใหม่ของเชลล์ชวนชิม ร่วมกับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชาวไทยที่มีความเข้าใจในรสชาติที่ชาวไทยชื่นชอบเป็นอย่างดี...

   สำหรับร้านอาหารที่จะได้รับตราเชลล์ชวนชิมต้องมีคุณสมบัติที่เป็นไปตามมาตรฐาน 3 ข้อคือ คือมีรสชาติอร่อย คงรสชาติต้นตำรับ  และจะต้องคุ้มค่าแก่การเดินทางไปชิม ซึ่งภายในงานยังมีการมอบตราเชลล์ชวนชิมให้กับร้านอาหารใหม่ 10  ร้านแรกเพื่อยืนยันถึงสุดยอดความอร่อย ได้แก่
 

1. ร้านลุงเลียง-ป้ามาลี ร้านอาหารพื้นบ้านซ่อนตัวอยู่ในชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย จังหวัดชลบุรี ที่มาพร้อมกับอาหารรสชาติจัดจ้านและเมนูอาหารให้เลือกหลากหลาย รวมถึงเมนูหาทานยาก อย่างผัดกะเพรานก หมูป่าพล่าระกำ ปลาดุกทอดน้ำปลา แกงไก่ใส่กะลามะพร้าว
 

2. ร้านเจ๊โอว ร้านข้าวต้มเก่าแก่ชื่อดังย่านบรรทัดทองที่ไม่ว่าจะแวะไปเวลาไหนก็คึกคักตลอด เพราะมีตัวเลือกหลากหลายและรสชาติอาหารที่อร่อยไม่แพ้ใคร อย่างยำปลาแซลมอน เมนูที่ถูกใจวัยรุ่น หมูกรอบ ที่หนังพองมันน้อยสุดๆ หรือจะเป็นเมนูเด็ดมื้อดึกอย่างมาม่าหน้ากรรเชียงปูรวม ที่ให้คุณเต็มอิ่มสุดๆ กับเส้นมาม่า 4 ห่อ ไข่ดิบ 4 ฟองและเครื่องที่จัดเต็มทุกอย่าง
 

3. ร้านบ้านนวล ร้านอาหารไทยพื้นบ้านรสชาติดีเยี่ยม บรรยากาศเป็นกันเองเหมือนทานข้าวบ้านเพื่อน ทำให้ร้านนี้มีคิวแน่นตลอดจนต้องจองโต๊ะกันข้ามเดือน ตั้งอยู่ในซอยสามเสน 2 โดยมีเมนูสุดฮิตห้ามพลาดอย่างกุ้งผัดมันกุ้ง หมูสามชั้นทอดน้ำปลา ปูจ๋า ต้มส้มปลาเต๋าเต้ย น้ำพริกไข่ปู เป็นต้น
 

4. ร้านเรือนไทยกุ้งเผา ร้านอาหารทะเลประจำอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขึ้นชื่อเรื่องกุ้งเผาไซส์ใหญ่ผ่าครึ่งซีกย่างบนเตาถ่าน เนื้อกุ้งสดหวานความสุกกำลังดีที่มาพร้อมกับมันไหลเยิ้ม ท่ามกลางบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา
 

5. ร้านข้าวเหนียวมะม่วง ป้าเล็กป้าใหญ่ ร้านข้าวเหนียวมะม่วงที่โด่งดังทั้งในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ ของอร่อยหายากเพราะมีจำหน่ายตามฤดูกาลหรือปีละ 4 เดือนเท่านั้น โดยข้าวเหนียวมูนของร้านนี้หอมมัน หวานกำลังดี และไม่ผสมแป้งแม้แต่น้อย เป็นสูตรที่ได้รับการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานถึง 3 ชั่วอายุคน กินคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้ที่คัดสรรมาอย่างดี ส่งผลให้ข้าวเหนียวมะม่วงร้านนี้หอมอร่อยเป็นเอกลักษณ์ โดยสามารถตามรอยความอร่อยนี้ได้ที่ถนนสันติภาพ ข้างร้านสหยางทอง 
 

6. ร้านแดงแหนมเนือง ร้านอาหารเวียดนามอันเลืองชื่อที่มีประวัติความอร่อยอันยาวนานกว่า 50 ปี อาหารขึ้นชื่อคงหนีไม่พ้นแหนมเนือง อีกหนึ่งของดีประจำจังหวัดหนองคาย จนได้รับขนานนามว่าหากใครไปหนองคายแต่ไม่ได้แวะทานแหนมเนืองที่ร้านแดงแหนมเนืองถือว่าไปไม่ถึงหนองคาย
 

7. ร้านฮอนโมโน (Honmono) ร้านอาหารญี่ปุ่นคุณภาพเยี่ยมที่คัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี สดใหม่เหมือนไปกินที่ตลาดปลา เมนูแนะนำจึงหนีไม่พ้นซูชิและเมนูที่ชื่อขึ้นต้นด้วย “Honmono” ส่วนการเดินทางไปชิมก็สะดวก เนื่องจากทางร้านได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 9 สาขาทั่วกรุงเทพฯ
 

8. ร้านโคคอตฟาร์มโรสต์แอนด์ไวน์เนอรี่ (Cocotte Farm Roast & Winery) สเต๊กเฮาส์แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ในโครงการ 39 บูเลอวาร์ด แต่ให้ความรู้สึกและบรรยากาศเหมือนทานอาหารอยู่ในฟาร์มชนบทประเทศฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยตัวเลือกเนื้อเกรดพรีเมียมอันหลากหลายที่ผ่านการใส่ใจและเทคนิคการปรุงรสพิเศษด้วยเตารมควันชั้นดีพร้อมดูแลและคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วโลกโดยเชฟชาวฝรั่งเศสมากประสบการณ์ 
 

9. ร้านโทบี้ส์ (Toby's) ร้านอาหารออสซี่สุดฮิตในซอยสุขุมวิท 38 ก่อตั้งโดยหนุ่มสาวผู้เคยใช้ชีวิตในประเทศออสเตรเลีย ที่ได้รวบรวมเมนูอาหารเช้า-เย็น ขนมหวาน และเครื่องดื่มสไตล์ออสเตรเลียไว้ในที่เดียวในบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง
 

10. ร้านลิมอนเชลโล (Pizzeria Limoncello) ร้านพิซซ่าอิตาเลียนขึ้นชื่อติดอันดับย่านสุขุมวิท ที่คงรสชาติต้นตำรับพิซซ่าบางกรอบจากเมือง Napoli และ Caprio นับสิบหน้า เมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดคือ พิซซ่าลิมอนเชลโล ที่มีเห็ดแชมปิญองสดจากนิวซีแลนด์ และชีสกอร์กอนโซลาเข้มข้น ซึ่งนอกจากพิซซ่าแล้ว ทางร้านยังมีเมนูให้ลูกค้าเลือกสรรอีกมากมาย

ผู้สนใจติดตามข้อมูลความอร่อยล่าสุดของร้านที่ได้รับตราเชลล์ชวนชิมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.shellshuanshim.com เฟซบุ๊ก @shellshuanshimofficial และยูทูป เชลล์ชวนชิม (Shellshuanshim)
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
““บรูว์ แอนด์ ไบทส์ บาย แมงโก้ ทรี” คอนเซ็ปต์ ใหม่ “ไทยซิกเนเจอร์ ทวิสต์” สุดเอ็กซ์คลูซีฟแห่งแรกในไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายใต้เครือ โคคา กรุ๊ป พร้อมการันตีความอร่อยจากตำนานร้านอาหารในเครือชั้นเลิศกว่า 60 ปี สำนักพิมพ์แม่บ้าน
““บรูว์ แอนด์ ไบทส์ บาย แมงโก้ ทรี” คอนเซ็ปต์ ใหม่ “ไทยซิกเนเจอร์ ทวิสต์” สุดเอ็กซ์คลูซีฟแห่งแรกในไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายใต้เครือ โคคา กรุ๊ป พร้อมการันตีความอร่อยจากตำนานร้านอาหารในเครือชั้นเลิศกว่า 60 ปี
บริษัท โคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล ชูซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทย ที่กำลังเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก เปิดตัวร้านอาหาร “บรูว์ แอนด์ ไบทส์ บาย แมงโก้ ทรี” (Brew & Bites by Mango Tree) ภายใต้แนวคิด Collaboration for sustainable future ที่เฟ้นหาสุดยอดวัตถุดิบคุณภาพของแต่ละจังหวัดทั่วไทย จากเพื่อนเกษตรกรต้นน้ำ สู่ผู้บริโภคโดยตรง ส่งผ่านทางมื้ออาหารจานเด็ด ในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยเหลือเกษตรกร สนับสนุนให้คนในชุมชนมีรายได้และเติบโตต่อเนื่องไปพร้อมกัน
ย้อนรอยเส้นทางสายไหมบุรีรัมย์ สู่หัตถศิลป์พื้นถิ่น “Colors of Buriram” โชว์นิทรรศการผ้าไทยเทียบชั้นมหาอำนาจวงการแฟชั่นโลก สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ย้อนรอยเส้นทางสายไหมบุรีรัมย์ สู่หัตถศิลป์พื้นถิ่น “Colors of Buriram” โชว์นิทรรศการผ้าไทยเทียบชั้นมหาอำนาจวงการแฟชั่นโลก
จังหวัดบุรีรัมย์ สร้างเซอร์ไพรส์ร่ายมนต์สะกดคนเข้าชมงาน ตะลึงความงดงามนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทยครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี Colors of Buriram เชิดชูภูมิปัญญาชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยเรียงเรื่องราวอารยธรรมเส้นทางสายไหมในวันวาน สู่งานหัตถศิลป์พื้นถิ่น บอกเล่าวัฒนธรรมความเป็นไทยผ่านลวดลายอันวิจิตรบรรจงบนพื้นผ้าทอนานาชนิดและงานศิลปหัตถกรรมอันทรงคุณค่าหลากหลายชิ้นงาน สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนชาวบุรีรัมย์ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมชมงานมากกว่า 20,000 คน ตลอดระยะเวลา 3 วัน