ซีพีเอฟ จับมือ อสค. สานต่อ 'สี่ประสานฯ' ปีที่ 2 ชูแอปฯ 'CP SmartMORE' สร้างความยั่งยืนอุตสาหกรรมโคนมไทย

1    838    9    21 ม.ค. 2565 17:17 น.   
แบ่งปัน

ซีพีเอฟ จับมือ อสค. สานต่อ 'สี่ประสานฯ' ปีที่ 2 ชูแอปฯ 'CP SmartMORE'  สร้างความยั่งยืนอุตสาหกรรมโคนมไทย

   บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โดยธุรกิจอาหารสัตว์บก ร่วมกับ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อสค. ผู้นำด้านการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนม และเป็นผู้รับซื้อ จำหน่ายผลิตภัณฑ์นม สานต่อโครงการ “สี่ประสาน สร้างความยั่งยืนโคนมไทย” เป็นปีที่ 2 มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรโคนมให้มีรายได้เพิ่ม มีมาตรฐานการเลี้ยงการจัดการโคนมและน้ำนมที่มีคุณภาพ พร้อมส่งต่อความรู้ให้กับสหกรณ์โคนมหรือศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ และเกษตรกรเพื่อพัฒนาฟาร์มต้นน้ำโคนมไทยอย่างยั่งยืน
 
นายพีระ ไชยรุตม์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ อสค. กล่าวว่า อสค.ต้องการยกระดับความสามารถเกษตรกรโคนมไทยให้ดำรงอาชีพอย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้นการที่ภาคเอกชนมาร่วมมือ จึงเป็นเรื่องน่ายินดี ที่ผ่านมา 5 ศูนย์นมที่ร่วมมือกับซีพีเอฟได้รับผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ส่งผลให้ตัวชี้วัดด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และค่าเฉลี่ยดีขึ้น รวมทั้งค่าองค์ประกอบน้ำนม ผลผลิต ประสิทธิภาพการเลี้ยงดีขึ้นเช่นกัน ทำให้เราผู้รับซื้อน้ำนมดิบคุณภาพเข้าสู่กระบวนการแปรรูป โครงการฯ นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือที่จะส่งผลดีทั้งต่อผู้เลี้ยงโคนมและอุตสาหกรรมนมไทย
 
ด้าน นายพูนศักดิ์ ทองพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจอาหารโค ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำด้านอาหารสัตว์บก มีองค์ความรู้ด้านการเลี้ยงการจัดการโคนมมากกว่า 30 ปี ซึ่งเกิดจากฟาร์มวิจัยและพัฒนาด้านโคนมของเรา ทั้ง 4 ฟาร์มทั่วประเทศ พร้อมด้วยทรัพยากรคน เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยยกระดับมาตรฐานการเลี้ยง เพื่อแบ่งเบาภาระเกษตรกร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ พัฒนาการจัดการการเลี้ยงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 บริษัทฯ ร่วมพัฒนาศูนย์นมและเกษตรกรโคนมในเครือข่ายของ อสค. ไปแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์โคนมกระนวนสามัคคี สหกรณ์โคนมน้ำพอง จ.ขอนแก่น, สหกรณ์โคนมหนองวัวซอ จ.อุดรธานี, สหกรณ์โคนมแม่โจ้ และสหกรณ์โคนมแม่วาง จ.เชียงใหม่
 
"ในปีที่ 2 ของโครงการฯ ซีพีเอฟ มีความตั้งใจจะขยายโครงการอีก 5 ศูนย์นมทั่วประเทศ หรือคิดเป็นประชากรโคมากกว่า 12,000 ตัว มุ่งมั่นพัฒนาการเกษตรแบบแม่นยำ สามารถเก็บข้อมูลบันทึกการเลี้ยงนำมาวิเคราะห์ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ที่สำคัญต้องวัดผลได้ ดังนั้น เราจึงนำแอปพลิเคชัน "CP SmartMORE" มาช่วยจัดเก็บข้อมูล รวมถึงการจัดการฟาร์มโคนมฟรี ทำให้โครงการฯ บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังต้องการสร้างบรรทัดฐานการเลี้ยงการจัดการที่เป็นมาตรฐานซีพีเอฟ ส่งต่อสู่เกษตรกรโคนม เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมโคนมไทย ให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้ผลผลิตน้ำนมที่มีคุณภาพดี สด สะอาด ปลอดภัย สู่ผู้บริโภค "โครงการสี่ประสาน สร้างความยั่งยืนโคนมไทย" ถือเป็นความร่วมมือเพื่อยกระดับมาตรฐานทั้งห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมนมไทยได้เป็นอย่างดี” นายพูนศักดิ์ กล่าว
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์
Seafood from Norway Festival 2025 ป๊อปอัพสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมนำทุกท่านดำดิ่งสู่โลกแห่งอาหารทะเลจากน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของนอร์เวย์ ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสและสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง Seafood from Norway และผู้บริโภคชาวไทย ถ่ายทอดเรื่องราวของธรรมชาติ ผู้คน และอนาคตที่มีร่วมกัน พร้อมกิจกรรมโซนอินเทอร์แอคทีฟ ลิ้มลองเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และบูธจากพาร์ทเนอร์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–7 กันยายน 2568 เวลา 10.00–22.00 น. ณ EM MARKET ห้างสรรพสินค้า EMSPHERE กรุงเทพฯ
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก  ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เปิดนิทรรศการ “Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” หยิบซอสปรุงรสท้องถิ่นมาต่อยอดในมุมมองใหม่ภายใต้แนวคิด “วัฒนธรรมที่กินได้” ร้อยเรียงเรื่องราวผ่าน 4 โซนนิทรรศการที่ชวนสำรวจทั้งวัฒนธรรมการกิน ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านขวดซอส ลิ้มรสซอสไทย ที่ถูกครีเอตในรูปแบบใหม่ พร้อมมองโอกาสของเครื่องปรุงไทยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยนิทรรศการดังกล่าวสามารถเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 พฤศจิกายน 2568 ณ Front Lobby ชั้น 1 TCDC กรุงเทพฯ