ลัคกี้เฟลมเจาะตลาดผู้สูงอายุเอาใจคนขี้ลืม ชูนวัตกรรมเตาระบบความปลอดภัยใหม่ ครั้งแรกของไทย

1    1,868    9    21 พ.ย. 2562 15:22 น.   
แบ่งปัน

ลัคกี้เฟลมเจาะตลาดผู้สูงอายุเอาใจคนขี้ลืม ชูนวัตกรรมเตาระบบความปลอดภัยใหม่
ครั้งแรกของไทย พร้อมสร้างทีมขายบุกตลาดต่างประเทศเพิ่ม ชูจุดแข็งด้านคุณภาพ มาตรฐานสูง ดันยอดขายยุคเศรษฐกิจไทย-โลกชะลอตัว

   ลัคกี้เฟลม ยันเศรษฐกิจไทย-โลกชะลอตัวไม่กระทบยอดขายเตา ปลื้มปีนี้ยอดขายเป็นไปตามเป้า โตเพิ่ม 10% ล่าสุดเปิดแผนการตลาดใหม่จับกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุ ส่งเตาความปลอดภัยสูง ตัดแก๊สเองอัตโนมัติ ตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุและคนขี้ลืม

   นายเชาว์เลิศ  ลีลาศวัฒนกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลัคกี้เฟลม จำกัด 
กล่าวถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่มุ่งเน้นบุกตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผู้สูงอายุและคนขี้ลืมว่า จากการสำรวจของทีมงานการตลาดพบว่าพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้งานเตามักจะเกิดปัญหาหลงลืมขณะการทำอาหารหรืออุ่นอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มคนขี้ลืม ล่าสุดลัคกี้เฟลมได้ส่ง 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ลงตลาดสำหรับกลุ่มนี้ คือ เตารุ่น AG 112SSC ราคา 4,990 บาท และ เตาฝัง LGS-982C ราคา 9,900 บาท โดยเตาทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมีความปลอดภัยสูงด้วยระบบนิรภัย 2 ชั้น คือ 1.ระบบตัดแก๊สทันทีเมื่อเปลวไฟดับ (Safety Device) ป้องกันอันตรายจากแก๊สสะสม เมื่อเปลวไฟดับจากลมหรือน้ำล้นจากภาชนะ 2.ระบบปัองกันการลุกไหม้ เมื่อุณหภูมิของก้นภาชนะสูงเกิน 298 องศาเซลเซียส จะมีเสียงสัญญาณเตือนพร้อมจะทำการตัดแก๊สอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย นับเป็นครั้งแรกที่มีการนำระบบนี้มาใช้กับเตาที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งหลังจากเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีลูกค้าให้ความสนใจและสอบถามมายังตัวแทนจำหน่ายจำนวนมาก และในอนาคต ลัคกี้เฟลม มีเป้าหมายที่จะนำระบบนิรภัย 2 ชั้นนี้มาเป็นระบบมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์เตาทุกรุ่นอีกด้วย

 

   ส่วนสถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกนั่น ถือว่าไม่ส่งผลต่อตลาดเตาครัวเรือนมากนัก ภาพรวมของตลาดยังอยู่ในภาวะทรงตัวเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยลัคกี้เฟลมยังสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เติบโตประมาณ 10%  ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ลัคกี้เฟลมรักษายอดขายและการเติบโตไว้ได้ เกิดจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในความมีคุณภาพและมาตรฐาน ความทนทานและความปลอดภัยในระดับสูง ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ด้วยคุณภาพไฟแรงเหมาะกับอาหารไทยแต่ประหยัดแก๊ส โดยได้รับรองฉลากรับรองประสิทธิภาพสูงจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ซึ่งจะประหยัดแก๊สกว่าเตาแก๊สที่ไม่มีฉลากถึง 30%

   ด้านการแข่งขันของตลาดเตาครัวเรือนนั้น มีการแข่งขันกันสูงขึ้นจากแบรนด์ที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเตาระดับล่างที่แข่งขันกันในเรื่องของราคา แต่สำหรับลัคกี้เฟลมซึ่งเป็นผู้ผลิตเตาครัวเรือและอุปกรณ์เตารายใหญ่ที่สุดของไทย ถือว่าเน้นคุณภาพและความปลอดภัย มีความได้เปรียบคู่แข่งในหลายด้านทั้งด้านทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีผลงานที่โดดเด่นคือการพัฒนาและผลิตเตาสำหรับก๊าซ NGV และก๊าซ CBG (Compressed Bio gas) ขึ้นเพียงผู้เดียวในประเทศไทย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตทำให้ลัคกี้เฟลมมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองกับความต้องการของทุกลุ่มเป้าหมาย เรามีโรงงานทั้ง 2 แห่งประกอบด้วย โรงงานกิ่งแก้ว ผลิตสินค้าในแบรนด์ลัคกี้เฟลม และโรงงานที่บางเสาธง ผลิตสินค้าให้แก่แบรนด์รินไนจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทำให้เราเป็นทั้งผู้ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย และเป็นฐานในการผลิตเพื่อจำหน่ายในตลาดโลกอีกกว่า 100 ประเทศ จึงมั่นใจได้ว่าเรามีระบบมาตรฐานสากล

   ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของลัคกี้เฟลมจึงสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องตรงกับการใช้งานและความต้องการของลูกค้า จนได้รับการยอมรับและความนิยมในตลาดต่างประเทศมากขึ้น เห็นได้จากการเติบโตของยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 20% จาก 30 ประเทศทั้งในยุโรป อเมริกา ออสเตรีย ซึ่งตลาดหลักในต่างประเทศยังเป็นประเทศในกลุ่มเอเชียและอาเซียน เนื่องจากมีวัฒนธรรมในการทำอาหารที่คล้ายกัน โดยในปีหน้า (2563) ลัคกี้เฟลมมีแผนที่จะบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยมีเป้าหมายในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้

   สำหรับแผนการตลาดในประเทศนั้น ลัคกี้เฟลมจะเน้นการรุกตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมกับพัฒนาเพิ่มคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มเตาครัวเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักให้เหมาะสมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ให้มากขึ้นทั้งในด้านของการออกแบบดีไซน์ที่สวยงาม แต่คงไว้ซึ่งมาตรฐานด้านคุณภาพ ปัจจุบันลัคกี้เฟลมมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ 1.ผลิตภัณฑ์แก๊สในครัวเรือน 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับร้านอาหารและอุตสาหกรรมอาหาร 3.ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในครัวเรือน อาทิ อ่างซิงค์ หม้อหุงข้าว เครื่องทำน้ำอุ่น และอุปกรณ์ครัว โดยกลุ่มเตาเป็นกลุ่มหลักมีสัดส่วน 80% และกลุ่มอื่นๆ 20% โดยแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวใน 2563 นั้นจะประกอบด้วย กลุ่มเตา 3 รุ่น เครื่องดูดควันและอ่างซิงค์ 4 รุ่น และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มใหม่ๆ โดยจะเริ่มออกผลิตภัณฑ์ประมาณไตรมาส 3 ของปี
 
ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์และสถานที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลัคกี้เฟลมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และเวปไซต์ www.luckyflame.co.th หรือ facebook: Lucky Flame:kitchen tips และ LINE:@luckyflame
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
““บรูว์ แอนด์ ไบทส์ บาย แมงโก้ ทรี” คอนเซ็ปต์ ใหม่ “ไทยซิกเนเจอร์ ทวิสต์” สุดเอ็กซ์คลูซีฟแห่งแรกในไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายใต้เครือ โคคา กรุ๊ป พร้อมการันตีความอร่อยจากตำนานร้านอาหารในเครือชั้นเลิศกว่า 60 ปี สำนักพิมพ์แม่บ้าน
““บรูว์ แอนด์ ไบทส์ บาย แมงโก้ ทรี” คอนเซ็ปต์ ใหม่ “ไทยซิกเนเจอร์ ทวิสต์” สุดเอ็กซ์คลูซีฟแห่งแรกในไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายใต้เครือ โคคา กรุ๊ป พร้อมการันตีความอร่อยจากตำนานร้านอาหารในเครือชั้นเลิศกว่า 60 ปี
บริษัท โคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล ชูซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทย ที่กำลังเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก เปิดตัวร้านอาหาร “บรูว์ แอนด์ ไบทส์ บาย แมงโก้ ทรี” (Brew & Bites by Mango Tree) ภายใต้แนวคิด Collaboration for sustainable future ที่เฟ้นหาสุดยอดวัตถุดิบคุณภาพของแต่ละจังหวัดทั่วไทย จากเพื่อนเกษตรกรต้นน้ำ สู่ผู้บริโภคโดยตรง ส่งผ่านทางมื้ออาหารจานเด็ด ในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยเหลือเกษตรกร สนับสนุนให้คนในชุมชนมีรายได้และเติบโตต่อเนื่องไปพร้อมกัน
ย้อนรอยเส้นทางสายไหมบุรีรัมย์ สู่หัตถศิลป์พื้นถิ่น “Colors of Buriram” โชว์นิทรรศการผ้าไทยเทียบชั้นมหาอำนาจวงการแฟชั่นโลก สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ย้อนรอยเส้นทางสายไหมบุรีรัมย์ สู่หัตถศิลป์พื้นถิ่น “Colors of Buriram” โชว์นิทรรศการผ้าไทยเทียบชั้นมหาอำนาจวงการแฟชั่นโลก
จังหวัดบุรีรัมย์ สร้างเซอร์ไพรส์ร่ายมนต์สะกดคนเข้าชมงาน ตะลึงความงดงามนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทยครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี Colors of Buriram เชิดชูภูมิปัญญาชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยเรียงเรื่องราวอารยธรรมเส้นทางสายไหมในวันวาน สู่งานหัตถศิลป์พื้นถิ่น บอกเล่าวัฒนธรรมความเป็นไทยผ่านลวดลายอันวิจิตรบรรจงบนพื้นผ้าทอนานาชนิดและงานศิลปหัตถกรรมอันทรงคุณค่าหลากหลายชิ้นงาน สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนชาวบุรีรัมย์ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมชมงานมากกว่า 20,000 คน ตลอดระยะเวลา 3 วัน