เปิดแนวทางการทำเกษตรเชิงฟื้นฟู ให้วงการกาแฟอยู่คู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

0    294    0    3 ต.ค. 2565 14:57 น.   
แบ่งปัน

เปิดแนวทางการทำเกษตรเชิงฟื้นฟู ให้วงการกาแฟอยู่คู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

   จากเหตุผลที่เกษตรกรสามารถปลูกกาแฟร่วมกับการดูแลฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมได้ จึงทำให้มีการส่งเสริมการทำการเกษตรเชิงฟื้นฟูภายใต้โครงการเนสกาแฟ แพลน ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

แนวทางการทำเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู 3 มิติ ประกอบด้วย
  1. การปลูกกาแฟรักษ์ป่า (Agro-Forestry) เนสกาแฟมุ่งส่งเสริมการปลูกกาแฟภายใต้ผืนป่า ร่มเงาของ
    ป่าไม้จะทำให้เมล็ดเชอร์รี่สุกได้พอดี รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรในท้องถิ่นรู้จักอยู่กับป่ากับชุมชน ช่วยกันดูแลรักษาป่า และคอยเฝ้าระวังการเกิดไฟป่า นอกจากนี้ ระบบการปลูกกาแฟร่วมกับป่ายังมีผลดีช่วยให้ระบบนิเวศมีความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย
  2. การฟื้นฟูดินให้เหมาะกับการเกษตร (Soil Fertility) เน้นการอนุรักษ์และฟื้นฟูธาตุอาหารในดิน การให้ความรู้ในการปกป้องหน้าดินในฤดูน้ำหลากด้วยการปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดินและดึงไนโตรเจนจากอากาศลงสู่ดิน หรือการปลูกแฝกซึ่งมีระบบรากลึกที่จะช่วยยึดเกาะดินไม่ให้เกิดการชะล้างพังทลาย รวมทั้งการทำไร่กาแฟแบบขั้นบันได เพื่อรักษาหน้าดินและลดการชะธาตุอาหารไปกับการไหลของน้ำ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการทำการเกษตรแบบผสมผสานด้วยการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์ม เพื่อลดภาระในการจัดการของเสียในฟาร์ม และมูลสัตว์ยังเป็นแหล่งปุ๋ยชั้นดีและฟื้นฟูดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
  3.  การลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ (Co2 Reduction) ด้วยการปลูกกาแฟใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ สามารถดูดซับคาร์บอนได้ดี และไม่ต้องถางป่า รวมทั้งการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งจะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้น้อยกว่าปุ๋ยเคมี เมื่อเรามีการฟื้นฟูคุณภาพดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ดินที่ดีจะช่วยดูดซับคาร์บอนในชั้นบรรยากาศได้
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
วัตสันเดินหน้า รุกขยายสาขา  พร้อมเปิดตัว Greener Store แห่งแรกของประเทศไทย  มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน สำนักพิมพ์แม่บ้าน
วัตสันเดินหน้า รุกขยายสาขา พร้อมเปิดตัว Greener Store แห่งแรกของประเทศไทย มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน
วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย เผยทิศทางธุรกิจ ประจำปี 2567 เน้นขยายการเติบโต รวมถึงการนำความยั่งยืนมาใช้ผสานในการพัฒนาส่วนต่างๆ ของธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ วัตสัน ในฐานะผู้นำตลาด ยังคงมุ่งหน้าชูกลยุทธ์การชอปปิ้งออฟไลน์และออนไลน์ (O+O) เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของลูกค้า รวมถึงการต่อยอดให้กับสินค้าภายใต้แบรนด์วัตสัน โดยทั้งหมดนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของวัตสันในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา