มาตรการการให้ความช่วยเหลือ อุดหนุน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม “SME ปัง ตังได้คืน” ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ปีงบประมาณ 2565
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ดำเนินมาตรการการให้ความช่วยเหลือ อุดหนุน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม “SME ปัง ตังได้คืน” ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือ (Business Development Service) ปีงบประมาณ 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ที่ผู้ประกอบการ SME จะสามารถเลือกรับการบริการ หรือรับการพัฒนากับผู้ให้บริการทางธุรกิจ (Business Development Service Provider : BDSP) ในด้านที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจของตน
ซึ่งผู้ประกอบการ SME สามารถยื่นข้อเสนอเพื่อขอรับการบริการและการพัฒนาในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ หรือบริการด้านการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากผู้ให้บริการทางธุรกิจ (BDSP) ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
https://bds.sme.go.th และหลังจากการพัฒนาเสร็จสิ้น ผู้ประกอบการสามารถยื่นเอกสารเพื่อขอรับเงินช่วยเหลืออุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแบบร่วมจ่าย (co-payment) จาก สสว. ในสัดส่วนร้อยละ 50 – 80 ตามขนาดของธุรกิจ สูงสุดไม่เกินรายละ 200,000 บาท
เป้าหมาย
ผู้ประกอบการ SME ที่เป็นนิติบุคคล หรือเป็นบุคคลธรรมดาที่จดทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น วิสาหกิจชุมชน หรือจดทะเบียนพาณิชย์ เน้นกลุ่มท่องเที่ยว / อาหาร-เครื่องดื่ม-ยา-สมุนไพร / New S-Curve / BCG / เกษตรแปรรูป ฯลฯ
คุณสมบัติผู้ประกอบการ SME ที่ขอรับความช่วยเหลือ อุดหนุน
- เป็น SME ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงที่ออกตาม พรบ.ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเป็นกลุ่มสาขาตามที่ สสว.กำหนดได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ สสว.
- กรณีบุคคลธรรมดาต้องมีสัญชาติไทย/กรณีนิติบุคคลต้องมีจำนวนหุ้นของบุคคลสัญชาติไทยถืออยู่เกินกว่าร้อยละ 50 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด
- ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
- ไม่ประกอบกิจการที่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี
- ไม่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนหรือตัดสิทธิการขอรับความช่วยเหลือการส่งเสริมหรือสนับสนุนจากเงินกองทุน
- ยื่นชำระภาษีตามกฎหมาย (มีสำเนารายการยื่นภาษีในปี 2562 หรือปี 2563 หรือปี 2564)
- มีคุณสมบัติ หรือไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นตามที่ สสว.กำหนด
- ประเภทบริการที่ยื่นข้อเสนอการพัฒนาสอดคล้องตามที่ สสว. กำหนด
ประเภทบริการและหมวดค่าใช้จ่ายที่สนับสนุนภายใต้มาตรการปี 2565
- การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ
- การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาด
- การพัฒนาตลาดต่างประเทศ
โดยการดำเนินการในปี 2565 จะเน้นการสนับสนุนใน 3 หมวดดังกล่าว โดยการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ เช่น ค่าใช้จ่ายเตรียมความพร้อมเข้าสู่มาตรฐาน / การประเมินสถานที่ ค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์ ประเมินต่าง ๆ / สอบเทียบเครื่องมือทุกประเภท ค่าใช้จ่ายในการขอมาตรฐาน ค่าใช้จ่ายเพื่อเตรียมความพร้อม ช่วยเหลือเพื่อให้ได้มาซึ่งการขึ้นทะเบียนใบรับรอง ใบอนุญาต หรือทะเบียนต่าง ๆ เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจตามที่กฏหมายกำหนด
ส่วนค่าใช้จ่ายในด้านการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาด และการพัฒนาตลาดต่างประเทศ เช่น ค่าคูหา ค่าเข้าร่วมกิจกรรมการเจรจาการค้าหรือจับคู่ธุรกิจ ฯลฯ เป็นต้น โดยผู้ประกอบการ SME สามารถเลือกดูบริการ และเปรียบเทียบราคาของบริการได้ผ่านระบบ
สัดส่วนการสนับสนุน SME
ขนาดวิสาหกิจ |
สถานะการเป็น SME |
สสว.ให้การสนับสนุน |
สัดส่วนไม่เกิน |
วงเงินที่ สสว. สนับสนุนไม่เกิน |
MICRO SME
รายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท |
เป็นนิติบุคคล หรือ
บุคคลธรรมดาที่
จดทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐ (วิสาหกิจชุมชน / จดทะเบียนพาณิชย์) |
80 % |
50,000 บาท |
SE
รายได้ต่อปี
ภาคการผลิตไม่เกิน 40 ล้านบาท
และภาคธุรกิจอื่นไม่เกิน 20 ล้านบาท |
80 % |
100,000 บาท |
SE+ / ME
รายได้ต่อปี
ภาคการผลิตไม่เกิน 500 ล้านบาท
และภาคธุรกิจอื่น ไม่เกิน 300 ล้านบาท |
นิติบุคคล |
50 % |
200,000 บาท |
พื้นที่ดำเนินการ ทั่วประเทศ
ระยะเวลาดำเนินโครงการ สิ้นสุด 30 ก.ย. 2566 (สามารถยื่นข้อเสนอการพัฒนาได้จนถึง 31 ส.ค.2566)
การสมัครเข้าร่วมโครงการ สมัครเข้าร่วมโครงการ และยื่นข้อเสนอการพัฒนาได้ผ่านแพลตฟอร์ม BDS
https://bds.sme.go.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง Call Center 02-038-5858 หรือศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร (OSS) ทุกจังหวัด