ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ประเทศไทย เผยโฉมออฟฟิศใหม่ ณ สามย่านมิตรทาวน์

1    1,307    9    20 ธ.ค. 2562 11:14 น.   
แบ่งปัน

ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ประเทศไทย เผยโฉมออฟฟิศใหม่ ณ สามย่านมิตรทาวน์ 
ชูแนวคิด Dynamic Living Space ที่ส่งเสริมบรรยากาศการทำงานร่วมกัน 

พร้อมเปิดสวัสดีบาร์ พื้นที่สังสรรค์สุดฮิปในออฟฟิศ

   บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DMHT ผู้นำด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พรีเมียมระดับโลก เผยโฉมออฟฟิศแห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 1,331 ตร.ม. ณ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ล่าสุดของกรุงเทพฯ มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ ซึ่ง DMHT เพิ่งจะย้ายเข้าไปเมื่อ 8 สัปดาห์ที่แล้ว โดยทาง DMHT ให้ความสำคัญในการออกแบบภายในออฟฟิศให้ตรงตามแนวคิดแบบ ‘Dynamic Living Space’ ทุกขั้นตอน เน้นการสร้างประสบการณ์และให้ความสำคัญกับการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างพนักงานในบริษัทรวมถึงผู้มาเยือน มี co-working space ขนาดใหญ่ที่ทุกคนสามารถมาคุยงานร่วมกัน เป็นพื้นที่ที่เอื้อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ พร้อมตอบรับพฤติกรรมการทำงานของคนยุคใหม่ นอกจากนี้ยังมีสวัสดีบาร์ บาร์เครื่องดื่มใหญ่ที่สุดในบรรดาออฟฟิศดิอาจิโอในเอเชียแปซิฟิกที่เป็นสถานที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้นั่งคุยงาน หรือนั่งชิลสานสัมพันธ์กันในบรรยากาศที่สนุกสนาน และเป็นที่ต้อนรับแขกของบริษัท พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มโดยบาร์เทนเดอร์ชั้นนำระดับประเทศ สะท้อนปรัชญา “เฉลิมฉลองชีวิต ในทุกที่ และทุกวัน (Celebrating Life, Every Day, Everywhere)” ของบริษัทได้เป็นอย่างดี

   มร. อัลแบร์โต อิเบอัส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “DMHT มุ่งเป็นบริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน และได้รับความไว้วางใจและน่านับถือมากที่สุดในโลก ซึ่งการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องเริ่มที่พนักงาน ซึ่งถือเป็นตัวแทนหรือแอมบาสเดอร์ของบริษัทฯ ที่จะทำงานเพื่อถ่ายทอดและส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและประสบการณ์ที่ดี รวมถึงสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ออฟฟิศแห่งใหม่นี้ได้สะท้อนปรัชญาของบริษัทฯ “เฉลิมฉลองชีวิต ในทุกที่ และทุกวัน (Celebrating Life, Every Day, Everywhere) ผ่านการออกแบบในทุกๆ องค์ประกอบ สอดแทรกคาแร็คเตอร์ของแบรนด์เข้าไป เน้นการผสานพื้นที่เข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้มีความยืดหยุ่น จัดสรรพื้นที่เพื่อให้พนักงานทุกคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีอิสระในการทำงาน และส่งเสริมการทำงานแห่งอนาคต”

   ในด้านของการออกแบบ ออฟฟิศแห่งนี้เป็นไปตามปรัชญาการออกแบบของดิอาจิโอในระดับโลกที่มุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่ให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม และทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ภายในออฟฟิศจะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลักๆ คือโซนออฟฟิศ และโซน co-working space ขนาดใหญ่ โดยโซนออฟฟิศนั้นอิงหลักการออกแบบในสไตล์ Open Plan ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนรวมมากกว่าพื้นที่ส่วนตัว โดยที่ทำงานของแต่ละคนจะเป็น Hot Desk เปลี่ยนไปในแต่ละวันแล้วแต่สะดวก สามารถนำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คมาต่อกับจอมอนิเตอร์ได้ ตอบโจทย์การทำงานสมัยใหม่ และถ้าใครต้องการพื้นที่ส่วนตัวสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ในห้องโทรศัพท์ที่จัดสรรไว้ได้ นอกจากนี้ยังผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างอินเทอร์เน็ตแบบโครงข่ายไฟเบอร์ออพติกทั่วทั้งออฟฟิศ รวมถึงระบบการจองห้องประชุมผ่านแอปในสมาร์ทโฟนที่ทั้งสะดวกสบายและรวดเร็ว
 

 

   สำหรับโซน co-working space จะเป็นพื้นที่แบบเปิดโล่ง มีโต๊ะ เก้าอี้ โซฟา ให้ทำงานและประชุมงานได้ตามสะดวก อิงแนวคิด ‘Dynamic Living Space’ ที่เน้นสร้างประสบการณ์ ออกแบบพื้นที่ให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ มีความยืดหยุ่น มีการผสมผสานระหว่างพื้นที่ทำงานกับพื้นที่นั่งเล่นเข้าด้วยกัน เพื่อให้พนักงานได้ทุ่มเทกับงานได้อย่างเต็มที่และอิสระภายใต้บรรยากาศของการทำงานที่ผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้านหรือคาเฟ่ โดยอีกหนึ่งไฮไลท์ของออฟฟิศนี้คือสวัสดีบาร์ บาร์ขนาดใหญ่กลางออฟฟิศที่ทำให้ผู้มาเยือนตื่นตาตื่นใจ เปรียบเสมือนอีกหนึ่งพื้นที่ที่จัดแสดงแบรนด์ทั้งหมดในพอร์ทโฟลิโอของดิอาจิโอ ไม่ว่าจะเป็น Johnnie Walker, Smirnoff, Tanqueray, Baileys และอื่นๆ ซึ่งในวันธรรมดา ทุกคนสามารถใช้พื้นที่นี้เพื่อทำงาน หรือคุยงานได้ ส่วนทุกวันศุกร์เย็น บาร์แห่งนี้จะคึกคัก กลายเป็นพื้นที่พบปะสังสรรค์ของพนักงานที่สามารถพาเพื่อนๆ ครอบครัว ลูกค้า หรือซัพพลายเออร์มาร่วมสังสรรค์กันได้ โดยมีบาร์เทนเดอร์มืออาชีพจากเวที ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส (DIAGEO Reserve World Class) มารังสรรค์เครื่องดื่มหลากสไตล์ให้ถึงที่ ที่สำคัญคือไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะอยากให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายจากผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ

   มร. อัลแบร์โต เล่าว่า “อีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนปรัชญาขององค์กรส่งเสริมการดื่มแอลกอฮอล์อย่างรับผิดชอบ “เฉลิมฉลองชีวิต ในทุกที่ และทุกวัน (Celebrating Life, Every Day, Everywhere) ทั้งนี้ DMHT เชื่อว่าแอลกอฮอล์เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่สมดุลได้ ถ้าดื่มอย่างมีสติและตัดสินใจอย่างมีข้อมูล บริษัทฯ จึงส่งเสริมให้พนักงานทุกคนเป็นตัวแทนการดื่มอย่างรับผิดชอบ หรือ DRINKiQ แอมบาสเดอร์ ที่ต้องมีความรู้เรื่องแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะดื่มหรือไม่ดื่มก็ตาม และต้องเผยแพร่ความรู้นี้ให้คนรอบข้างต่อไปได้

   นอกเหนือจากคุณสมบัติทางกายภาพอย่างพื้นที่สำนักงาน เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทที่น่าทำงานที่สุด (Great Place to Work) ในเชิงนโยบาย DMHT นั้นก็ได้ผลักดันนโยบายที่ส่งเสริมความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวของพนักงานในองค์กร ด้วยการนำร่องเป็นบริษัทแรกๆ ที่ริเริ่มนโยบายให้สิทธิ์กับพนักงานทุกเพศ ได้สิทธิ์ลาความเป็นแม่และความเป็นพ่อ (Family Leave) ถึง 26 สัปดาห์และยังสามารถได้รับเงินเดือนเต็ม เพื่อดูแลบุตรได้อย่างใกล้ชิดและเท่าเทียมกัน ถือเป็นนโยบายที่สะท้อนวิสัยทัศน์ที่เห็นความสำคัญของพนักงาน รวมถึงส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียมกันในองค์กรได้เป็นอย่างดี ตลอดจนช่วยส่งเสริมภาครัฐในการเพิ่มปริมาณประชากรใหม่อันช่วยบรรเทาประเทศจากการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอีกด้วย

   “DMHT ตั้งเป้าที่จะเป็นบริษัทฯ ที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจที่ต้องการเข้ามาร่วมงานและทำงานด้วย และในขณะเดียวกันก็ยังให้ความสำคัญกับพนักงานเก่าที่เป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของบริษัท ซึ่งการที่พนักงานทุกคนจะประสบความสำเร็จไปพร้อมกับองค์กรได้นั้น นอกเหนือจากความสามารถ วัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนให้ทุกคนพัฒนาตนเองอยู่เสมอ กล้าก้าวข้ามขีดจำกัด ภูมิใจในสิ่งที่ทำ และมีอิสระที่จะประสบความสำเร็จแล้ว บริษัทฯ เชื่อว่าบรรยากาศในสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะพื้นที่สำนักงานที่ตอบรับกับการทำงานได้อย่างเหมาะสม เอื้อให้ทุกคนได้พบปะ ได้คิด ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในรูปแบบของตนเอง นั้นก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน” คุณสุดา หวลกสินธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
realme เปิดภาพบรรยากาศ “THE HIDDEN GEMS CASTING PROJECT” รอบออดิชัน!  ผู้สมัครแท็คทีมอวดความสามารถสร้างปรากฏการณ์ Make it real! อย่างแท้จริง สำนักพิมพ์แม่บ้าน
realme เปิดภาพบรรยากาศ “THE HIDDEN GEMS CASTING PROJECT” รอบออดิชัน! ผู้สมัครแท็คทีมอวดความสามารถสร้างปรากฏการณ์ Make it real! อย่างแท้จริง
ดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้วกับเวทีสานฝันสู่วงการบันเทิงครั้งยิ่งใหญ่ “THE HIDDEN GEMS CASTING PROJECT” เมื่อ realme แบรนด์สมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ร่วมกับผู้จัดการนักแสดงมือทองอย่าง “เกล้า น้ำพราว” จัดแคมเปญการประกวดเฟ้นหาสุดยอดนักแสดงหน้าใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Make it real ที่จะสนับสนุนทุกความสามารถของคนรุ่นใหม่ โดยเปิดพื้นที่ออดิชันพร้อมจัดกิจกรรมความบันเทิงสุดปังในมหาวิทยาลัยชื่อดัง 4 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 2-19 เมษายน 2567 โดยวันนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว 2 แห่งทั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต (เมื่อวันที่ 2 เมษายน) และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (วันที่ 5 เมษายน) ซึ่งได้เสียงตอบรับจากผู้สมัครในเขตภาคกลาง ตบเท้าเข้าร่วมออดิชันกันอย่างคับคั่งรวมกว่า 128 คน