ห้องอาหารวูว์ของโรงแรมเดอะ เซนต์ ริจิส กรุงเทพฯ กับคำนิยามใหม่จากห้องอาหารนานาชาติ สู่ห้องอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน นำเสนออาหารอิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน

0    234    0    3 ก.ย. 2567 17:48 น.   
แบ่งปัน
 

โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ เชิญเหล่านักชิมพบกับห้องอาหารวูว์ในรูปแบบใหม่ จากห้องอาหารนานาชาติสู่ห้องอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน โดยเน้นธรรมเนียมอาหารจากอิตาลี สเปน และฝรั่งเศส ไปจนถึงรูปแบบการให้บริการและบรรยากาศภายในร้านที่ได้รับอิทธิพลจากท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันแสนอบอุ่น เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

การปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความมีชีวิตชีวา ความอบอุ่น และการมีมิตรไมตรีตามแบบฉบับเมดิเตอร์เรเนียนผ่านทางอาหารพรีเมียม รสเยี่ยมคุณภาพดี ในราคาที่เข้าถึงได้ และยังเพิ่มการปรับรูปแบบการให้บริการที่ทั้งใส่ใจในรายละเอียด เป็นกันเอง แต่ยังคงความเป็นมืออาชีพในแบบฉบับโรงแรมหรู เพื่อเป็นจุดนัดพบสำหรับตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของแต่ละท่านในทุกโอกาส


หัวหน้าเชฟมาเตโอ ฟอนทานา และผู้ช่วย เชฟผู้อยู่เบื้องหลัง

เชฟมาเตโอ ฟอนทานา เชฟใหญ่สัญชาติอิตาลีผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์การทำอาหารมาอย่างยาวนานในห้องอาหารระดับรางวัลดาวมิชลินที่น่ายกย่องระดับโลกในประเทศอิตาลี รวมถึงร้านอาหารอื่น ๆ ในหัวเมืองชั้นนำ อาทิ เมืองอาบูดาบี เมืองนิวเดลี และเมืองโฮจิมินห์ ร่วมกับผู้ช่วยหัวหน้าเชฟพงศกร บุญเรือง (เชฟบอม) ผู้เชี่ยวชาญในการรังสรรค์เมนูที่พิถีพิถัน รสชาติที่สมดุล และตกแต่งจานอย่างประณีต

การปรับโฉมเมนู และเมนูซิกเนเจอร์:

การสร้างสรรค์เมนูของเชฟจะยึดตามฤดูกาลในทวีปยุโรป เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่สดใหม่เสมอทั้งจากต่างประเทศและในประเทศตามท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วไทย สำหรับเมนูอาหารตามธรรมเนียมการรับประทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนนั้น อาหารกลางวัน และเย็นจะเริ่มด้วยของว่าง อาหารเรียกน้ำย่อย และสลัด อาทิ สลัดปลาหมึกยักษ์ (alla Mediterranea) สลัดมะเขือเทศชีสบูราตา (Burrata & Tomato Salad) ตับห่านย่าง (Pan-seared Rougie Foie Gras Escalope) และเนื้อวัวแองกัสดำสไลด์ (Black Angus Beef Carpaccio)

ถัดไปเป็นเมนูพาสต้าและเมนูรีซอตโต รวมทั้งราวิโอลี่ซึ่งเป็นพาสต้าเส้นโปรดของเชฟมาเตโอ เริ่มที่เมนูซิกเนเจอร์จานเด็ด ราวีโอลี่ขาเป็ดตุ๋น (Homemade Braised Duck Leg Ravioli) ปรุงด้วยสูตรลับที่ถ่ายทอดมาจากคุณย่าของเชฟที่มักทำให้ทานทุกวันอาทิตย์ โดยเชฟปรับสูตรด้วยการใช้เทคนิคสมัยใหม่ นำเป็ดไปตุ๋นนานสองชั่วโมงด้วยอุณหภูมิต่ำเพื่อให้ได้เนื้อเป็ดนุ่มฉ่ำ ผัดรวมกับเส้นราวิโอลี่เพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ยังมี เมนูพาสต้าเส้นแบนเนื้อแกะตุ๋น (Handmade Pappardelle with Lamb Ragout) อาหารจากอิตาเลียนตอนเหนือที่มักตุ๋นไว้ทานตอนอากาศหนาว นอกจากนี้ ยังเพลิดเพลินไปกับการทำพิซซ่าสดโดยเชฟ เห็นตั้งแต่วิธีการนวดแป้ง โยนแป้ง ที่เป็นการทำพิซซ่าในแบบอิตาเลียนดั้งเดิมรสชาติต้นตำรับขนานแท้

ต่อด้วยตัวเลือกเมนูอาหารจานหลักแบบคลาสสิก อาทิ มะเขือม่วงอบชีสพาร์มิจาน่า (Eggplant Parmigiana) มะเขือม่วงทอดกรอบเรียงตัวเป็นชั้น อาหารอิตาเลียนตอนใต้ที่นิยมทานกันในครอบครัวทุกวันอาทิตย์ สเต็กเนื้อสันในวากิว (Filetto di Manzo “alla Rossini”) หนึ่งในอาหารอิตาเลียนดั้งเดิมเมนูโปรดของเชฟมาเตโอ ที่ให้ความแตกต่างของเนื้อสัมผัสระหว่างตับห่านเนื้อเจลลี่และเนื้อวัวนุ่มเด้ง หรือพาสต้าสไตล์อิตาเลียนเสิร์ฟพร้อมปลากะพงขาวย่าง (Pan-Seared Local Seabass Puttanesca Style) เมนูที่ผสมผสานระหว่างวัตถุดิบท้องถิ่น และซอสปุตตาเนสกาของอิตาลีดั้งเดิม โดยอาหารทั้งหมดนี้ได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมการทำอาหาร และอาหารทะเลคุณภาพสูงเช่นเดียวกับที่พบในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน
 
การเปลี่ยนโฉมรูปแบบการให้บริการ:
รูปแบบการบริการได้รับอิทธิพลจากแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและเป็นกันเอง ผู้ที่มาวูวว์จะได้รับประสบการณ์การรับประทานที่คัดสรรแบบเฉพาะบุคคล การบริการที่ใส่ใจ ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้น เป็นมิตร ผ่านทางการทำอาหารของเชฟที่บริเวณเตาพิซซ่า และดนตรีที่สนุกสนานเหมือนอยู่ในอิตาลี พนักงานจะอธิบายรายละเอียดของแต่ละเมนู รวมถึงแรงบันดาลใจ ไปจนถึงเบื้องหลังการสร้างสรรค์ของทั้งเมนูอาลาคาร์ท และบุฟเฟต์ รวมถึงแนะนำการจับคู่ไวน์ หรือการเลือกเครื่องดื่มที่คัดสรรมาอย่างดีเพื่อเพิ่มรสชาติของมื้ออาหารให้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
ห้องอาหารวูว์ (VIU Ristorante) ตั้งอยู่บนชั้น 12 ของโรงแรม มองเห็นวิวสนามกอล์ฟของราชกรีฑาสโมสร เปิดให้บริการอาหารตลอดทั้งวัน รวมถึงเมนูอาลาคาร์ท มื้อกลางวัน และมื้อเย็นของทุกวัน สำหรับในช่วงสุดสัปดาห์เพลิดเพลินไปกับบุฟเฟต์มื้อค่ำ EPIC ทุกเย็นวันศุกร์และวันเสาร์ ราคา 2,500++ บาทต่อท่าน และบุฟเฟต์มื้อสายทุกวันอาทิตย์ ราคา 3,200++ บาทต่อท่าน
 
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งล่วงหน้า ได้ที่ โทร 02 207 7777 อีเมล fb.bangkok@stregis.com หรือลิงก์ http://bit.ly/VIUReservations
ติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ 
 
Website            www.stregisbangkok.com
Facebook          https://www.facebook.com/TheStRegisBangkok
Instagram         @stregisbangkok
Line                 @stregisbangkok

ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์
Seafood from Norway Festival 2025 ป๊อปอัพสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมนำทุกท่านดำดิ่งสู่โลกแห่งอาหารทะเลจากน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของนอร์เวย์ ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสและสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง Seafood from Norway และผู้บริโภคชาวไทย ถ่ายทอดเรื่องราวของธรรมชาติ ผู้คน และอนาคตที่มีร่วมกัน พร้อมกิจกรรมโซนอินเทอร์แอคทีฟ ลิ้มลองเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และบูธจากพาร์ทเนอร์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–7 กันยายน 2568 เวลา 10.00–22.00 น. ณ EM MARKET ห้างสรรพสินค้า EMSPHERE กรุงเทพฯ
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก  ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เปิดนิทรรศการ “Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” หยิบซอสปรุงรสท้องถิ่นมาต่อยอดในมุมมองใหม่ภายใต้แนวคิด “วัฒนธรรมที่กินได้” ร้อยเรียงเรื่องราวผ่าน 4 โซนนิทรรศการที่ชวนสำรวจทั้งวัฒนธรรมการกิน ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านขวดซอส ลิ้มรสซอสไทย ที่ถูกครีเอตในรูปแบบใหม่ พร้อมมองโอกาสของเครื่องปรุงไทยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยนิทรรศการดังกล่าวสามารถเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 พฤศจิกายน 2568 ณ Front Lobby ชั้น 1 TCDC กรุงเทพฯ