“กรมการข้าว” จับมือชุมชน “ข้าวไร่บ้านน้ำเย็น” หนุนใช้สายพันธุ์ข้าว - วิถีทำนาดั้งเดิม รับตลาดและผู้บริโภคสายยั่งยืน โชว์ “ซิวเกลี้ยง” ตัวท็อปแห่งข้าวเหนียวไทย GI จากเมืองเลย สุดยอดข้าวมากมูลค่าและอัตลักษณ์ข้าวพันธุ์แท้อีสาน

0    169    0    3 ต.ค. 2567 17:13 น.   
แบ่งปัน
กรมการข้าว หนุนความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมข้าวไทยด้วยการปลูกพันธุ์ข้าวพื้นเมือง  และการทำนาด้วยวิถีดั้งเดิม โชว์วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่บ้านน้ำเย็น ตำบล   กกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ชุมชนต้นแบบการต่อยอดข้าวเหนียวซิวเกลี้ยง ซึ่งเป็นข้าว GI สายพันธุ์โบราณโดดเด่นด้วยคุณประโยชน์ทางโภชนาการ รสชาติ ความนุ่ม และความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ปลูกได้ในเฉพาะพื้นที่ สู่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ  ข้าวบรรจุถุง ข้าวสุญญากาศ ข้าวหลาม และข้าวนางเล็ดน้ำแตงโม นอกจากนี้ ชุมชนดังกล่าวยังมีการต่อยอดข้าวสู่สินค้าสร้างสรรค์ โดยอยู่ระหว่างพัฒนานวัตกรรมแปรรูปข้าวเหนียวซิวเกลี้ยงเป็นไอศกรีม พร้อมต่อยอดอัตลักษณ์อันโดดเด่นในด้านการท่องเที่ยว

นายโอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว  เปิดเผยว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมข้าวในหลากมิติ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่มีอยู่กว่า 40 ล้านไร่ ผลผลิตข้าวที่มากที่สุดในประเทศไทยเฉลี่ยต่อไร่กว่า 900 กิโลกรัม โดยยังเป็นแหล่งพัฒนา ผลิต แปรรูปข้าวคุณภาพในกลุ่มสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI รวมถึงข้าวพื้นถิ่นที่แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ที่เกษตรกรสามารถสร้างมูลค่าได้จากทั้งการผลิตข้าวเจ้าและข้าวเหนียวที่โดดเด่นทั้งความนุ่ม ความหอม รสชาติ ตามความเฉพาะตัวของแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งความโดดเด่นหล่านี้สามารถตอบสนองความต้องการ – ปริมาณการบริโภคของคนได้ทั่วประเทศ

“นอกจากความโดดเด่นดังกล่าว กรมการข้าวยังพบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่มีการอนุรักษ์ การปลูกข้าวไว้อย่างหลากหลายและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีในการเพาะปลูก / แปรรูป การมีเมล็ดพันธุ์ข้าวดั้งเดิมของแต่ละจังหวัด การทำนาด้วยความความประณีต – วิถีเกษตรอินทรีย์ที่สืบสานมาจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนของทรัพยากรท้องถิ่น โดยวิธีการนี้ยังทำให้หลาย ๆ ชุมชนที่ปลูกข้าวสามารถพึ่งพาตนเองได้ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อีกด้วย”

นายโอวาท กล่าวเสริมว่า จังหวัดเลยเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีการผลิตข้าวที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งปัจจุบันมีข้าวในกลุ่มสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI ถึง 2 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวเหนียวแดงเมืองเลย และข้าวเหนียวซิวเกลี้ยงเมืองเลย ซึ่งแปรรูปมาจากข้าวนาปีพันธุ์พื้นเมืองของ จ.เลย  ทั้งนี้ จากการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวพันธุ์พื้นเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าวิสาหกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว คือวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่บ้านน้ำเย็น ชุมชนบ้านน้ำเย็น ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งมีความโดดเด่นในการปลูกข้าวซิวเกลี้ยง ข้าวที่มากด้วยคุณประโยชน์ทางโภชนาการ ไม่ว่าจะเป็นไฟเบอร์สูง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับลำไส้ ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด แร่ธาตุและวิตามิน รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังเป็นข้าวที่ทำให้อิ่มนานและช่วยควบคุมน้ำหนัก ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สำหรับคนรักสุขภาพ และตลาดเฮลธ์ตี้

นอกจากนี้ กรมการข้าวได้เข้ามาส่งเสริมการปลูกข้าวพื้นเมืองสายพันธุ์หายากให้กับชุมชน เกษตกร เพื่ออนุรักษ์และขยายพันธุ์ข้าวที่ดีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้าวเหนียว “ซิวเกลี้ยง” เป็นข้าวไร่เฉพาะถิ่นจังหวัดเลย เป็น 1 ในสายพันธุ์ข้าวหายากและได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ปลูกในที่ราบระหว่างภูเขาที่มีความสูง 500 - 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง หรือนาในที่ลุ่มที่ไม่มีน้ำขัง ในพื้นที่อำเภอด่านซ้าย ภูเรือ และนาแห้ว โดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่บ้านน้ำเย็น ใช้วิธีการคัดเลือกพันธุ์ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่เป็นพันธุ์ข้าวไม่ล้มง่าย แตกกอดี ต้านทานโรค มีรวงยาวใหญ่ ทั้งนี้ ความพิเศษของข้าวสายพันธุ์ซิวเกลี้ยงคือถึงแม้ฝนทิ้งช่วง 10 - 20 วันข้าวก็ไม่ตาย ทนต่อความเป็นกรดเป็นด่างได้สูง ความเป็นกรดเป็นด่างของดินไม่มีผลต่อการออกรวงและการให้ผลผลิต  ข้าวพันธุ์นี้ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวไม่เหมือนข้าวสายพันธุ์อื่น ๆ อีกด้วย

ด้านนายสังวร จันทรคีรี ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่บ้านน้ำเย็น เปิดเผยว่า ชุมชนได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้จากกรมการข้าวในการต่อยอดข้าวให้มีคุณภาพที่มีราคาสูง โดยมุ่งเน้นการปลูกและพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวด้วยการส่งเสริมการทำการเกษตรด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์ โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่บ้านน้ำเย็นประกอบไปด้วยสมาชิกในวิสาหกิ จชุมชน 60 คน 60 ครัวเรือน พื้นที่ปลูกข้าวรวม 300 ไร่ เกษตรกรยึดอาชีพการปลูกข้าวเหนียวซิวเกลี้ยงมาตั้งแต่โบราณ และจะทำการปลูกข้าวผสานกับการปลูกพืชหมุนเวียนการเกษตร อาทิ ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง แก้วมังกร และจะทำการปลูกข้าวนาปี โดยมีฤดูกาลเพาะปลูกคือเดือนพฤษภาคม - กันยายน และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนตุลาคม ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 500 กิโลกรัม/ไร่ แต่หากดินมีคุณภาพที่ดีมีโอกาสได้ถึง 800 กิโลกรัม/ไร่ โดยปีที่ผ่านมามีผลผลิตรวม 325 ตัน สามารถจำหน่ายข้าวเปลือกได้ตันละ 50,000 บาท โดยกลุ่มสินค้าข้าวที่ขายดีที่สุดและสร้างรายได้ให้กับชุมชนคือ ข้าวเหนียวซิวเกลี้ยงชนิดบรรจุถุง 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 1 กิโลกรัม และขนาด 5 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ด้วยคุณสมบัติที่อ่อนนุ่ม ความหอม และรสสัมผัสที่อร่อยของข้าวเหนียวซิวเกลี้ยง ทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ต้องการของตลาด โดยมีกลุ่มที่สำคัญคือ หจก.สุขใจพาณิช จังหวัดเลย ตลาดนัดชุมชน และจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊ก อย่างไรก็ตาม ชุมชนยังเห็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่ม จึงได้เพิ่มความโดดเด่นให้กับข้าวเหนียวซิวเกลี้ยงด้วยการแปรรูปผลิตภัณฑ์เป็นไอศกรีม ต่อยอดสรรพคุณของสารต้านอนุมูลอิสระและมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมและยังสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการนำมาแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  ได้แก่ ข้าวบรรจุถุงสุญญากาศ ข้าวหลาม และข้าวนางเล็ดน้ำแตงโม อีกทั้งยังมีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับวิถีชีวิตดั้งเดิมของเกษตรกรและการปลูกข้าว เช่น การทดลองปลูกข้าวบนเขา การรับชมประเพณีและการทำพิธีไหว้ผีไร่ผีนา กิจกรรมทำไอศกรีมข้าวเหนียว
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์
Seafood from Norway Festival 2025 ป๊อปอัพสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมนำทุกท่านดำดิ่งสู่โลกแห่งอาหารทะเลจากน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของนอร์เวย์ ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสและสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง Seafood from Norway และผู้บริโภคชาวไทย ถ่ายทอดเรื่องราวของธรรมชาติ ผู้คน และอนาคตที่มีร่วมกัน พร้อมกิจกรรมโซนอินเทอร์แอคทีฟ ลิ้มลองเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และบูธจากพาร์ทเนอร์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–7 กันยายน 2568 เวลา 10.00–22.00 น. ณ EM MARKET ห้างสรรพสินค้า EMSPHERE กรุงเทพฯ
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก  ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เปิดนิทรรศการ “Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” หยิบซอสปรุงรสท้องถิ่นมาต่อยอดในมุมมองใหม่ภายใต้แนวคิด “วัฒนธรรมที่กินได้” ร้อยเรียงเรื่องราวผ่าน 4 โซนนิทรรศการที่ชวนสำรวจทั้งวัฒนธรรมการกิน ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านขวดซอส ลิ้มรสซอสไทย ที่ถูกครีเอตในรูปแบบใหม่ พร้อมมองโอกาสของเครื่องปรุงไทยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยนิทรรศการดังกล่าวสามารถเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 พฤศจิกายน 2568 ณ Front Lobby ชั้น 1 TCDC กรุงเทพฯ