เนสเพรสโซยกระดับประสบการณ์กาแฟในทุกวัน ควบคู่แนวคิดความยั่งยืน ‘My Cup of Purpose’

0    29    0    1 ก.ย. 2568 16:59 น.   
แบ่งปัน
Two women standing next to each other

AI-generated content may be incorrect.
คุณอีลิส ทัน (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร และคุณอมรทิพย์ วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา (ขวา) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด
เนสเพรสโซ ประเทศไทย
 
Nespresso (เนสเพรสโซ) ผู้นำด้านกาแฟแคปซูลและเครื่องชงกาแฟชนิดแคปซูลระดับพรีเมี่ยมจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถ่ายทอดแรงบันดาลใจและความตั้งใจอันลึกซึ้งในทุกแก้วกาแฟ ผ่านแคมเปญ ‘My Cup of Purpose’ ที่ชวนให้คนรักกาแฟได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลา ‘Me Moments’ ในทุกวันให้เป็นมากกว่าช่วงเวลาแห่งความสุข แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการมีส่วนร่วมในการดูแลโลก โดยภายใต้แคมเปญนี้ เนสเพรสโซเดินหน้าส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืนไปพร้อมกับผู้บริโภค ด้วยการตั้งเป้าหมายเพิ่มอัตราการส่งคืนแคปซูลกาแฟใช้แล้วจาก 25% ในปัจจุบัน ให้เพิ่มขึ้นเป็น 27% ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวเล็ก ๆ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ยั่งยืนในระยะยาว

My Cup of Purpose
ด้วยความเชื่อที่ว่าการดื่มกาแฟยามเช้าไม่ได้เป็นเพียงกิจวัตรประจำวัน แต่ยังเป็นโมเมนต์ที่ได้ใช้เวลากับตัวเอง พร้อมหยุดพัก เติมพลัง และค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ เนสเพรสโซจึงมุ่งมั่นส่งต่อแนวคิด 'My Cup of Purpose' ให้กับลูกค้าทุกท่านที่รักการดื่มกาแฟเนสเพรสโซ ผ่านแคมเปญไลฟ์สไตล์ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงความเพลิดเพลินจากประสบการณ์กาแฟคุณภาพระดับพรีเมี่ยม เข้ากับเป้าหมายที่มีความหมายลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่เรื่องใกล้ตัว อย่างการมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี ไปจนถึงการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมผ่านไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน โดยเนสเพรสโซต้องการเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้ผู้รักการดื่มกาแฟได้ริเริ่มสอดแทรกความยั่งยืนง่ายๆเข้ากับกิจวัตรประจำวัน และเชื่อมโยงเข้ากับคุณค่าส่วนบุคคล เพื่อจุดประกายแรงบันดาลใจในการทำสิ่งดี ๆ ให้สิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อให้ทุกแก้วกาแฟได้กลายเป็นทั้งช่วงเวลาที่เติมเต็มเช้าวันใหม่ และจุดเริ่มต้นของอนาคตที่ดีกว่าไปด้วยกัน
 
เบื้องหลังกาแฟเนสเพรสโซทุกแก้วของคุณ… คือเรื่องราวแห่งความยั่งยืน
สำหรับเนสเพรสโซ กาแฟคือพลังเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ (Force for Good) ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าทุกแก้วถูกรังสรรค์ด้วยความตั้งใจและจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน โดยมีรากฐานอยู่บนเสาหลักแห่งความยั่งยืนทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ความใส่ใจต่อการหมุนเวียน (Circularity) ความใส่ใจต่อสภาพภูมิอากาศ (Climate) และความใส่ใจต่อชุมชน (Community) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมหยั่งรากลึกอยู่ในทุกขั้นตอนของการเดินทาง ตั้งแต่เมล็ดกาแฟ สู่แคปซูลกาแฟที่คุณดื่มทุกวัน ต่อยอดไปจนถึงกระบวนการ Second Life[1]

เช่นเดียวกับตลาดทั่วโลก เนสเพรสโซประเทศไทย ได้เปิดประตูให้ผู้รักการดื่มกาแฟได้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายด้านความยั่งยืน ผ่านแนวทางของ 'การหมุนเวียน (Circularity)' โดยให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของผู้บริโภคในการส่งคืนแคปซูลกาแฟใช้แล้ว ควบคู่กับการต่อยอดความร่วมมือไปยังพันธมิตรท้องถิ่นอย่าง บริษัท วงษ์พาณิชย์ ในจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้มั่นใจว่าแคปซูลทุกชิ้นที่ลูกค้าได้ดื่มจะถูกรวบรวม และนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลด้วยความใส่ใจโลกอย่างแท้จริง นอกจากนี้ กากกาแฟที่ใช้แล้วยังถูกแปรรูปเป็นปุ๋ย เพื่อนำส่งต่อให้เกษตรกรที่ทำไร่ในจังหวัดพิษณุโลก สะท้อนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและใส่ใจสิ่งแวดล้อม
 
A person standing next to a counter

AI-generated content may be incorrect.

คุณอมรทิพย์ วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด เนสเพรสโซ ประเทศไทย เน้นย้ำวิสัยทัศน์ของแบรนด์ด้านความใส่ใจต่อการหมุนเวียน โดยกล่าวว่า "เพราะเรามองว่าความยั่งยืนควรเป็นเรื่องง่ายและกลมกลืนไปกับกิจวัตรในทุก ๆ วัน เนสเพรสโซจึงเป็นแบรนด์กาแฟเพียงหนึ่งเดียวที่ตั้งใจออกแบบเส้นทางการรีไซเคิลให้ราบรื่นและครอบคลุมที่สุดสำหรับผู้บริโภค ผ่านช่องทางส่งคืนแคปซูลใช้แล้วที่สะดวกและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาที่เนสเพรสโซบูติกทั้ง 8 สาขาในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ฝากที่จุดขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ส่งคืนทางไปรษณีย์ หรือแม้แต่บริการรับถึงหน้าบ้านเมื่อสั่งสินค้าออนไลน์ และเสริมความแข็งแกร่งด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น ทั้งหมดนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อการรีไซเคิลให้เป็นเรื่องใกล้ตัว และสามารถผสานเข้ากับชีวิตประจำวันของทุกคนได้อย่างง่ายดายที่สุด"

นอกจากนี้ เนสเพรสโซยังให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าด้วยโครงการระดับโลกที่ริเริ่มมาอย่างยาวนาน อาทิ โครงการ AAA Sustainable Quality™ ที่ทำงานร่วมกับเกษตรกรชาวไร่กาแฟกว่า 168,550 ราย ใน 18 ประเทศ เพื่อช่วยเหลือการฟื้นฟูระบบนิเวศ แก้ไขปัญหาวิถีการทำไร่กาแฟเพื่อรองรับต่อสภาพภูมิอากาศในพื้นที่นั้น ๆ ส่งเสริมความเป็นธรรมของราคากาแฟที่รับซื้อจากชาวไร่ พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชนไปพร้อมกัน

ส่งต่อไลฟ์สไตล์ใส่ใจโลก ก้าวสู่สังคมรีไซเคิล
สำหรับปี 2568 แคมเปญ 'My Cup of Purpose' จะเริ่มต้นด้วยแนวคิดเกี่ยวกับ 'การหมุนเวียน (Circularity)' ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่เนสเพรสโซต้องการทำให้เป็นเรื่องเข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน เพื่อให้เหล่าผู้ที่หลงใหลในศิลปะของการดื่มกาแฟผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับวิถีชีวิตได้อย่างเรียบง่าย พร้อมขับเคลื่อนไปสู่จุดมุ่งหมายที่มีคุณค่าร่วมกัน
 
A group of people posing for a photo

AI-generated content may be incorrect.
ภาพจากกิจกรรมปลูกต้นไม้บริเวณสวนป่าเอกมัย ภายใต้โครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568

เริ่มตั้งแต่เป้าหมายภายในองค์กร เนสเพรสโซร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น โดยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เนสเพรสโซจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่สวนป่าเอกมัย เขตวัฒนา เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงพื้นที่สีเขียวให้กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่กทม.ได้ให้ความช่วยเหลือพนักงานเนสเพรสโซในการปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ จำนวน 20 ต้น ต้นสะเดา 15 ต้น และผักสวนครัวรวม 100 ต้นเพื่อให้ร่มเงาและเป็นผลผลิตให้กับชุมชน โดยใช้ดินที่ผสมกากกาแฟของเนสเพรสโซที่ใช้แล้ว ทำเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยพนักงานเนสเพรสโซทุกคนมีความภูมิใจที่มีส่วนรวมในการยกระดับพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองกรุงเทพฯผ่านกิจกรรมเล็ก ๆ ที่มีคุณค่า

นอกจากนี้เนสเพรสโซยังได้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายสิ่งแวดล้อมและไลฟ์สไตล์เข้ามาร่วมทำกิจกรรมเพื่อจุดประกายให้ผู้บริโภคชาวไทยหันมาสนใจวิถีชีวิตที่ใส่ใจโลกยิ่งขึ้น ผ่านช่วงเวลาสุดพิเศษแห่งการดื่มด่ำกาแฟยามเช้า รวมถึงในวันกาแฟสากล (International Coffee Day) ที่จะถึงนี้ เนสเพรสโซยังเตรียมจัดกิจกรรมที่จะเชิญชวนลูกค้าเนสเพรสโซและคนรักกาแฟมารวมตัวเพื่อดื่มด่ำกาแฟทุกแก้วด้วยความยั่งยืนไปด้วยกัน
 
A person standing next to a coffee machine

AI-generated content may be incorrect.

คุณอีลิส ทัน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร เนสเพรสโซ ประเทศไทย กล่าวว่า “เนสเพรสโซขอเชิญชวนผู้ที่หลงใหลในกาแฟมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ 'My Cup of Purpose' ที่จะทำให้ทุกแก้วกาแฟมีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การดื่มด่ำกับช่วงเวลา 'Me Moments' ในทุกวันพร้อมกาแฟแก้วโปรด แต่ยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
แคมเปญนี้มุ่งเน้นการขับเคลื่อน 'เสาหลักแห่งความยั่งยืนด้านการหมุนเวียน (Circularity)' ให้เป็นรูปธรรมและเห็นผลได้ชัดเจน ผ่านไลฟ์สไตล์และกิจกรรมที่มอบให้กับคนรักกาแฟ เราตั้งใจที่จะสร้างสรรค์วัฒนธรรมแห่งความยั่งยืนในประเทศไทย และทำให้แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคนอย่างแท้จริงในทุกแก้วที่ดื่ม“
 
[1] แนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนของเนสเพรสโซ ที่นำแคปซูลกาแฟใช้แล้วกลับมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่ทั้งสวยงามและใช้งานได้จริง เพื่อมอบชีวิตใหม่ให้กับกาแฟแต่ละแก้วอย่างสร้างสรรค์
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์
Seafood from Norway Festival 2025 ป๊อปอัพสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมนำทุกท่านดำดิ่งสู่โลกแห่งอาหารทะเลจากน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของนอร์เวย์ ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสและสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง Seafood from Norway และผู้บริโภคชาวไทย ถ่ายทอดเรื่องราวของธรรมชาติ ผู้คน และอนาคตที่มีร่วมกัน พร้อมกิจกรรมโซนอินเทอร์แอคทีฟ ลิ้มลองเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และบูธจากพาร์ทเนอร์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–7 กันยายน 2568 เวลา 10.00–22.00 น. ณ EM MARKET ห้างสรรพสินค้า EMSPHERE กรุงเทพฯ
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก  ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เปิดนิทรรศการ “Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” หยิบซอสปรุงรสท้องถิ่นมาต่อยอดในมุมมองใหม่ภายใต้แนวคิด “วัฒนธรรมที่กินได้” ร้อยเรียงเรื่องราวผ่าน 4 โซนนิทรรศการที่ชวนสำรวจทั้งวัฒนธรรมการกิน ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านขวดซอส ลิ้มรสซอสไทย ที่ถูกครีเอตในรูปแบบใหม่ พร้อมมองโอกาสของเครื่องปรุงไทยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยนิทรรศการดังกล่าวสามารถเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 พฤศจิกายน 2568 ณ Front Lobby ชั้น 1 TCDC กรุงเทพฯ