นิสสัน เดินหน้าโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ” ปีที่ 4 มุ่งส่งเสริม “นวัตกรรมเพื่อสังคม” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม

1    2,022    9    1 ธ.ค. 2563 15:49 น.   
แบ่งปัน

นิสสัน เดินหน้าโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ” ปีที่ 4 มุ่งส่งเสริม
“นวัตกรรมเพื่อสังคม” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม
 
โครงการประกวดแผนธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมจากนิสสัน เสริมสร้างประโยชน์ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
ชุมชน และวิถีการดำเนินชีวิต

   นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย  ดำเนินโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ” ปีที่ 4 มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมเพื่อสังคมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ผ่านกิจกรรมการประกวดโครงงานนวัตกรรมเพื่อสังคม พร้อมส่งเสริมและร่วมสร้าง “นวัตกร” รุ่นใหม่เพื่อขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกสู่ชุมชน ผ่านความคิดสร้างสรรค์ มุมมอง และความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยนิสสันให้การสนับสนุนด้านองค์ความรู้ และเป็นที่ปรึกษาร่วมกับบริษัทพันธมิตรชั้นนำ

โครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ” ปีที่ 4  เป็นโครงการส่งเสริมความรู้ และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคม โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมเพื่อนำเอานวัตกรรมมาใช้เพื่อขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน โดยประกอบด้วย นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย และบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)

 

“หลากหลายองค์กรชั้นนำ รวมถึงนิสสันถือว่ามีบทบาทสำคัญชุมชนต่าง ๆ ที่เราดำเนินธุรกิจอยู่” ราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าว “สอดคล้องกับเป้าประสงค์ระดับองค์กรในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม ซึ่งโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ” ในปีนี้ ที่ใช้นวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญในการตอบสนองต่อพลวัตรทางสังคม พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวก ได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่พนักงานของเรา รวมถึงพาร์ทเนอร์ และทุกภาคส่วน”

ทางด้าน ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า “พันธกิจสำคัญอย่างหนึ่งที่ NIA ให้ความสำคัญคือ การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อสังคม เพราะ NIA เชื่อว่านวัตกรรมเพื่อสังคมจะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้สังคมไทยเข้มแข็ง ด้วยการลดช่องว่าง หรือความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อวางรากฐานการเจริญโตทางเศรษฐกิจให้เติบโตไปได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน โดย NIA มีกลไกสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านการสนับสนุนเงินทุน ด้านการให้คำปรึกษาทางด้านนวัตกรรม และธุรกิจ รวมถึงการมีหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม (Social Innovation Driving unit : SID) ที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อสร้างความร่วมมือในการนำนวัตกรรมมาแก้ปัญหาสังคมในพื้นที่นั้น ๆ ได้อย่างใกล้ชิด โครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ” ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ NIA ได้ร่วมมือกับนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อสังคม ผ่านการออกแบบหลักสูตรโดยสถาบันวิทยาการนวัตกรรม (NIA Academy) ที่เน้นกระบวนการ Project Based Learning เพื่อสร้างองค์ความรู้ในการพัฒนาแนวคิดเชิงนวัตกรรมที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชนและสังคมไทยให้ดีขึ้น รวมถึงสนับสนุนการสร้างนวัตกร และสร้างเครือข่ายนวัตกรรมทางสังคม เพื่อยกระดับความสามารถในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางสังคมของประเทศ และสามารถนำนวัตกรรมไปใช้แก้ไขปัญหาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน”
 

โครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ” ปีที่ 4 มีผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 337 ทีม จากทั่วประเทศโดยได้ส่งโครงงานแผนธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมที่มุ่งเน้นสร้างคุณค่าใน 3 ด้าน คือ ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านวิถีการดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ โดยเป็นแผนธุรกิจนวัตกรรมที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์เพื่อสังคมที่นำไปใช้ได้จริง และสร้างให้เกิดคุณค่าเพื่อสังคม ผู้สมัครได้ส่งแผนนวัตกรรมเพื่อสังคมเข้ารวมแข่งขัน 187 โครงงาน ซึ่งทั้งหมดผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผลโหวตจากประชาชนทั่วไปจนได้ 12 ทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศที่จะไปร่วมฝึกอบรม พัฒนา และเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคม ผ่านกิจกรรมแฮกกาธอน (Hackathon) เป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่มกราคม – มีนาคม 2564

ภายใต้กิจกรรมแฮกกาธอน ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 12 ทีม จะมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมเพาะบ่มนวัตกร และแฮกกาธอน ผ่านการเรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบพื้นฐานและกระบวนการสร้างสรรค์ในการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสังคม จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และยังได้สัมผัสเทคโนโลยีไอทีล้ำสมัยจากไมโครซอฟท์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ทุกโครงการก้าวข้ามขีดจำกัดในยุคดิจิตอล นอกจากนี้ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ยังได้เตรียมหลักสูตรเพื่อเสริมองค์ความรู้ด้านการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และการสร้างเรื่องราว (Storytelling) เพื่อนำไปสู่การรับรู้ ยอมรับ และนำไปใช้ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชน พร้อมกันนี้ ผู้เข้าแข่งขันยังมีโอกาสรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอาชีพที่มีประสบการณ์ทั้งในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และด้านธุรกิจ อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

“การกล้าทำในสิ่งที่แตกต่างให้เกิดขึ้นจริงถือเป็นดีเอ็นเอของนิสสันมาตั้งแต่ทศวรรษ 1930 ด้วยเหตุนี้ เราจึงสนับสนุนให้ทุกคนกล้าทำในสิ่งที่แตกต่างที่พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมเป็นวงกว้าง พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชั่นเพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่ออนาคตที่ดีของทุกชีวิตในสังคม” ราเมช นาราสิมัน กล่าวเสริม

ทีมผู้ชนะเลิศทั้งหมดจะได้รับโล่รางวัลและประกาศนียบัตรพร้อมเงินรางวัลรวม 500,000 บาท พร้อมกันนี้ แผนธุรกิจนวัตกรรมที่ชนะเลิศ ยังจะได้รับการสนับสนุนพัฒนาเพื่อการใช้งานจริง ส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชน และสังคมไทยให้ดีขึ้น รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้สังคมในการสร้างนวัตกร และวัฒนธรรมแห่งการใช้นวัตกรรม เพื่อนำไปสู่การนำไปใช้แก้ไขปัญหาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

การประกาศผลการแข่งขันโครงงานแผนธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคม โครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ” จะมีขึ้นในวันที่ 5 เมษายน 2564 ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารของโครงการนี้ ผ่านทางเว็บไซต์ www.htkl.info หรือทาง เฟซบุ๊กเพจ แค่ใจก็เพียงพอ by Nissan
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
คุณมณีสุดา ศิลาอ่อน รับมอบใบประกาศเกียรติคุณ “สตรีนักบริหารดีเด่น สาขาสตรีผู้บริหารภาคเอกชนดีเด่น สถานประกอบกิจการขนาดใหญ่ ประจำกรุงเทพมหานคร“ เนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี 2567 สำนักพิมพ์แม่บ้าน
คุณมณีสุดา ศิลาอ่อน รับมอบใบประกาศเกียรติคุณ “สตรีนักบริหารดีเด่น สาขาสตรีผู้บริหารภาคเอกชนดีเด่น สถานประกอบกิจการขนาดใหญ่ ประจำกรุงเทพมหานคร“ เนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี 2567
คุณมณีสุดา ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่สำนักพัฒนาความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (กลาง) รับมอบใบประกาศเกียรติคุณ ”สตรีนักบริหารดีเด่น สาขาสตรีผู้บริหารภาคเอกชนดีเด่น สถานประกอบกิจการขนาดใหญ่ ประจำกรุงเทพมหานคร“ เนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี 2567 มอบโดย ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์ พรหมดำ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน (ที่ 2 จากซ้าย)