ททท. จับมือ Alipay+ ยกระดับนวัตกรรมดิจิทัล เปิดตัวโปรแกรม “Alipay+ d-Hub” เสิร์ฟข้อมูลและ โปรโมชันท่องเที่ยวทั่วไทย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวยุคใหม่

0    219    0    21 พ.ค. 2567 15:53 น.   
แบ่งปัน

เช้านี้ (16 พฤษภาคม 2567) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ อาลีเพย์พลัส (Alipay+) ภายใต้ แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ TAT x Alipay+ , Ant International & TAT, The Only One Amazing Thailand to the World 2024 ประกาศขยายความร่วมมือผ่านการเปิดตัวโปรแกรมสนับสนุน “Alipay+ d-Hub” ตอบรับกระแสความสนใจการท่องเที่ยวเมืองไทยของนักเดินทางทั่วโลก ผ่านการยกระดับนวัตกรรมดิจิทัลและการส่งเสริมการตลาดเชิงรุก พร้อมสร้างความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยนำเสนอข้อมูลสินค้าและบริการใหม่ ๆ รวมถึงโปรโมชันบริการด้านการท่องเที่ยวไทยแก่เครือข่ายผู้ใช้บริการ Alipay+ โอกาสนี้ นายฉัททันต์  กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. และนายเอ็ดเวิร์ด หยู ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ บริษัท แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้เกียรติร่วมแถลงข่าวฯ  ณ ห้องประชุมสุพรรณหงส์ อาคาร ททท.
 
นายฉัททันต์  กุญชร ณ อยุธยารองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว จากสถิติของ ททท. รายงานว่า 4 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเยือนประเทศไทยแล้ว 2,351,909  คน สอดคล้องกับข้อมูลจาก Alipay+ ที่รายงานสถิติการใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ e-wallet ในเครือข่ายของ Alipay+ จากช่วงเทศกาลวันแรงงานที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 161 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ดังนั้นความร่วมมือกับ Alipay+ จึงมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวจีน และการเติบโตอย่างรวดเร็วของการให้บริการชำระเงินผ่าน Alipay+ ที่มีแนวโน้มขยายตัวไปยังร้านค้าในเมืองรองของประเทศไทย ยิ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคส่วนธุรกิจรายย่อย SMEs ของประเทศไทย รวมถึงสะท้อนให้เห็นการกระจายตัวของกลุ่มนักท่องเที่ยวในเมืองหลักสู่เมืองรอง ดังนั้น ททท. จึงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพในยุคดิจิทัล ด้วยการยกระดับนวัตกรรม ภายใต้โครงการ TAT x Alipay+ , Ant International & TAT, The Only One Amazing Thailand to the World 2024 และเปิดตัว Alipay+ d-hub และบัตรดิจิทัล  Amazing Thailand e-Card บนแอปพลิเคชัน Alipay ที่ใช้งานในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน และยังวางแผนที่จะขยายการให้บริการในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ ที่ใช้จ่ายผ่านเครือข่ายของ Alipay+ ต่อไปในอนาคตภายใต้ความร่วมมือนี้ ททท. ถือเป็นหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับประเทศรายแรกที่ได้เปิดตัว Alipay+ d-Hub แพลตฟอร์มดิจิทัลในแอปพลิเคชัน Alipay ที่จะเข้ามาช่วยออกแบบการท่องเที่ยวตามความสนใจของผู้ใช้งาน ซึ่งจะมาพร้อมกับข้อมูลและฟังก์ชันการใช้งานที่จำเป็นต่อการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งข้อมูลเส้นทางท่องเที่ยว ข้อมูลเชิงวัฒนธรรม ร้านค้าท้องถิ่น การเดินทาง และโปรโมชันสุดพิเศษ เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่สนใจเข้าไปศึกษาข้อมูลเพื่อการวางแผนการท่องเที่ยว
ในประเทศไทย ในขณะเดียวกัน Amazing Thailand e-Card จะช่วยเชื่อมโยงธุรกิจท้องถิ่นกับนักท่องเที่ยว เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ สร้างการรับรู้และค้นพบข้อเสนอและโปรโมชันสุดพิเศษจากร้านค้ารายย่อยในกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วย
 
นายเอ็ดเวิร์ด หยู ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ บริษัท แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ททท. เป็นหน่วยงานชั้นนำที่มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง  และสำหรับ Alipay+ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับผลลัพธ์ที่ได้จากการสนับสนุนการท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์มทั้งในการชำระเงินบนมือถือ กิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาด การสร้างการเข้าถึงผ่านการใช้งานเทคโนโลยี และเพื่อต่อยอดความร่วมมือกับ ททท. เราพร้อมนำเสนอนวัตกรรมทางดิจิทัล เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างมีเอกลักษณ์ให้แก่นักท่องเที่ยวในยุคดิจิทัลได้ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งการชอปปิง เลือกซื้อสินค้าบริการด้านการท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกผ่านสมาร์ตโฟน ซึ่งจะช่วยจะผลักดันเป้าหมายของ ททท. ในปี 2567 ให้บรรลุตามที่ตั้งใจไว้ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในฐานะประเทศ Tourism Hub ระดับโลก
 
“Alipay+ d-Hub” เป็นมินิโปรแกรม ภายในแอปพลิเคชัน Alipay โดยมีไฮไลต์ประกอบด้วย ข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว และข้อมูลกิจกรรมของ ททท. ซึ่งจะนำเสนอในรูปแบบบทความและวิดีโอ โปรแกรมท่องเที่ยวหรือคูปองส่วนลดสำหรับใช้บริการสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวประเทศไทย ไฮไลต์เทรนด์ท่องเที่ยวในประเทศไทย แผนที่และเส้นทางท่องเที่ยว พร้อมวิธีการเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะหรือรถยนต์ส่วนตัว แนะนำสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวใหม่ในท้องถิ่น ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง รวมไปถึงการแนะนำร้านค้า และช่องทางชำระเงินที่สะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน ตลอด Customer Journey และ Multi Interaction Tools นำเสนอเครื่องมือเพื่อช่วยออกแบบการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งช่วยแนะนำความชื่นชอบ การเช็กอินออนไลน์ การเลือกซื้อของที่ระลึกผ่านระบบดิจิทัล รวมทั้งบูรณาการเชื่อมต่อ D-Store เข้ากับแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่จำเป็นด้วย และส่วนสุดท้ายคือการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้งาน เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชั่นให้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานได้มากที่สุด
 
ปัจจุบันมีร้านค้าที่รองรับการใช้จ่ายผ่าน Alipay+  ครอบคลุมกว่า 400,000 แห่งทั่วประเทศไทย ทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่ม สถานประกอบการเชิงสุขภาพ ห้างสรรพสินค้า แหล่งท่องเที่ยว และขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา(ชลบุรี) เชียงใหม่ ภูเก็ต รวมไปถึงจังหวัดเมืองรอง เช่น นครพนม จันทบุรี ลำปาง เป็นต้น นอกจากนี้ Alipay+ ยังคงขยายความครอบคลุมร้านค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานแอปพลิเคชันชำระเงินระหว่างประเทศทั้ง 14 แอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Alipay+ จะสามารถชำระเงินได้อย่างราบรื่นทั่วประเทศไทย ซึ่งช่วยสร้างความสุขและเติมเต็มประสบการณ์แก่นักท่องเที่ยวตลอด Customer Journey ในประเทศไทยอย่างแท้จริง
 
นอกจากนี้ ททท. และ Alipay+ ยังได้ร่วมกันดำเนินแคมเปญ “A Thailand+ Experience” นำเสนอสถานที่ แหล่งท่องเที่ยว และร้านค้าที่น่าสนใจในจังหวัดเมืองรองผ่านมุมมองของ KOL เพื่อเป็นข้อมูลให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจท่องเที่ยวเมืองรองได้เรียนรู้ผ่าน Alipay+ d-hub และเว็บไซต์ของ ททท. นอกเหนือจากความสะดวกที่นักท่องเที่ยวจะได้รับผ่านการชำระเงินผ่านเครือข่าย Alipay+ แล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้รับคูปองส่วนลดและโปรโมชันต่าง ๆ สำหรับใช้เดินทางค้นหาประสบการณ์และสัมผัสเสน่ห์ของเมืองไทยในมุมมองใหม่ ๆ ที่แตกต่างไปจากที่เคยด้วย
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
แอลจี สานต่อปีที่ 2 จับมือ สมาคมก้าวท้าใจ จัดงานวิ่งสุดยิ่งใหญ่ "ก้าวท้าใจ 10K Thailand Championship 2025 Presented by LG" ชูแนวคิดคนไทยสุขภาพดี พร้อมยกระดับมาตรฐานสู่งานเดิน-วิ่งระดับสากล สำนักพิมพ์แม่บ้าน
แอลจี สานต่อปีที่ 2 จับมือ สมาคมก้าวท้าใจ จัดงานวิ่งสุดยิ่งใหญ่ "ก้าวท้าใจ 10K Thailand Championship 2025 Presented by LG" ชูแนวคิดคนไทยสุขภาพดี พร้อมยกระดับมาตรฐานสู่งานเดิน-วิ่งระดับสากล
นายซองฮัน จอง (ที่ 6 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ สมาคมก้าวท้าใจ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเปิดตัวงานแข่งขันวิ่ง “ก้าวท้าใจ 10K Thailand Championship 2025 Presented by LG” ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยมี พญ.นงนุช ภัทรอนันตนพ (ที่ 3 จากซ้าย) รองอธิบดีกรมอนามัย, นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย (ที่ 4 จากซ้าย) นายกสมาคมก้าวท้าใจ ร่วมด้วย รศ.ดร. ปิยะวัฒน์ เกตุวงศา (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านส่งเสริมกิจกรรมทางกาย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), นายชาญยุทธ เศวตสุวรรณ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร, พล.ต. อาณัติ รัตนพล (ที่ 1 จากซ้าย) ประธานฝ่ายจัดการแข่งขันสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมเป็นสักขีพยานในงานเปิดตัวกิจกรรม ณ ห้องลิโด้ ชั้น 1 ศูนย์การค้า ลิโด้ คอนเนค สยามสแควร์
ซีพีแรม เปิดตัว FTEC (Food Technology Exchange Center) ศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหาร หวังเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมอาหารของไทย  พร้อมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ซีพีแรม เปิดตัว FTEC (Food Technology Exchange Center) ศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหาร หวังเพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมอาหารของไทย พร้อมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก
บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน เปิดตัว FTEC (Food Technology Exchange Center) ศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหาร เสริมแกร่งอุตสาหกรรมอาหารของไทย พร้อมผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เป็นศูนย์กลางในการสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหารกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ตั้งอยู่ที่อาคารฟู้ด เทคโนโลยี ธาราพาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี
Brother ผนึกกำลัง Mitsubishi Electric เปิดตัวโซลูชันการพิมพ์ฉลากจาก PLC  พร้อมแนะนำเครื่องพิมพ์ 3 รุ่นไฮไลท์ รองรับงานผลิตรวดเร็ว แม่นยำ เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต สำนักพิมพ์แม่บ้าน
Brother ผนึกกำลัง Mitsubishi Electric เปิดตัวโซลูชันการพิมพ์ฉลากจาก PLC พร้อมแนะนำเครื่องพิมพ์ 3 รุ่นไฮไลท์ รองรับงานผลิตรวดเร็ว แม่นยำ เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต
Brother ผู้นำโซลูชันด้านการพิมพ์จากประเทศญี่ปุ่น เดินหน้าตอบโจทย์ความท้าทายของลูกค้าภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการผลิต ด้วยการพัฒนา โซลูชันการพิมพ์ฉลากจาก PLC (Print from PLC) อำนวยความสะดวกในการจัดทำฉลากด้วยระบบพิมพ์อัตโนมัติแทนการเขียนหรือพิมพ์ฉลากทีละชิ้นแบบดั้งเดิม ช่วยลดข้อผิดพลาดและระยะเวลาการทำงาน ประหยัดต้นทุนแรงงาน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าในไลน์ผลิต นอกจากนี้ โซลูชันดังกล่าวยังสามารถทำงานร่วมกับ P-Touch ซอฟต์แวร์ออกแบบฉลากของ Brother ทำให้กระบวนการออกแบบฉลากสะดวกและรวดเร็วขึ้น พร้อมให้ขับเคลื่อนสายการผลิตและสร้างเติบโตอย่างมั่นคง