แผนงานและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของน้ำปลาพิไชย

0    18    0    11 ก.ย. 2568 17:23 น.   
แบ่งปัน

ภาพรวมตลาดน้ำปลาในประเทศไทยและส่งออก
ตลาดน้ำปลาในประเทศไทยในครึ่งแรกของปีนี้เปรียบเทียบกับครึ่งแรกของปีก่อนหน้า มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 5%  โดยมีแนวโน้มการเติบโตที่ลดลง  สาเหตุหลักมาจากปัจจัยในกลุ่มซอสและเครื่องปรุงอาหาร ซึ่งมีการแข่งขันและการบริโภคอยู่ในระดับสูง   การเติบโตหลักมาจากช่องทาง modern trade ซึ่งเติบโตอยู่ที่ 11% และมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น  ในขณะที่ช่องทาง traditional trade เติบโตลดลง 3%

ในด้านพฤติกรรมผู้บริโภค พบว่า ประชากรไทยมีอัตราการบริโภคน้ำปลาสูง โดยเฉลี่ยบริโภคน้ำปลา ประมาณ 15 มิลลิลิตรต่อคนต่อวัน หรือคิดเป็น 5–6 ลิตรต่อคนต่อปี

สำหรับในตลาดต่างประเทศ  จากข้อมูลสถิติการค้าระหว่างประเทศของ กรมศุลกากร ระบุว่า ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำปลาที่มีความสำคัญในตลาดโลก และในครึ่งแรกของปีนี้เปรียบเทียบกับครึ่งแรกของปีก่อนหน้า มีอัตราเติบโต 1.3%  โดยประเทศคู่ค้าหลัก อันดับ 1  ยังคงเป็น สหรัฐอเมริกา ซึ่งเติบโต 7.8%   อันดับ 2 ยังคงเป็น สปป.ลาว ซี่งเติบโต 23.6%  แต่อันดับ 3 เปลี่ยนมาเป็น ญี่ปุ่น ซึ่งเติบโต 22.7%   ส่วนอันดับ 4 และ 5 ยังคงเดิม คือ ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์ ตามลำดับ แต่ทั้งสองประเทศมีการเติบโตที่ลดลง
 
ภาพรวมของบริษัท กลยุทธ์การตลาดและการสร้างแบรนด์
จากการที่บริษัทฯ ได้นำกลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมาประยุกต์ใช้เต็มรูปแบบบนแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมทั้งสร้างประสบการณ์แบรนด์ร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ และเชฟแถวหน้าของเมืองไทย และได้มีพรีเซ็นเตอร์เชฟชื่อดังเป็นครั้งแรกในรอบ 88 ปีของแบรนด์ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์และความแข็งแกร่งของ “น้ำปลาตราหอยนางรม”

รวมทั้งรายการส่งเสริมการขาย ลดยกแบรนด์ ในราคาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งในช่องทาง modern trade และ traditional trade ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา   ทำให้ยอดขายในประเทศของบริษัทเติบโตกว่า 22%   ในขณะที่ตลาดน้ำปลาในประเทศเติบโตเพียง 5% 

โดยยอดขายเติบโตในช่องทาง modern trade มากกว่า 27% เนื่องจากการขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุมมากขึ้น  ในขณะที่ช่องทาง traditional trade ยังค่อนข้างคงที่ แต่มีแนวโน้มในการเติบโตมากขึ้น และได้รับความร่วมมือจากคู่ค้าในการช่วยทำการตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการเติบโตของยอดขายในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ มียอดขายที่เติบโตในทุก ๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์   โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ premium segment มียอดขายที่เติบโตมากที่สุด ถึง 30%  ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ standard segment เติบโต 14%  และในกลุ่มผลิตภัณฑ์ economy segment ซึ่งยังเป็นกลุ่มที่เล็กอยู่ แต่เติบโตมากกว่า 160%

สำหรับยอดขายในช่องทางออนไลน์ ซึ่งประกอบด้วยแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้ง TikTok Shopee Lazada และ facebook นั้น ก็เป็นอีกช่องทางที่ยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเติบโตกว่า 30%

ในส่วนของช่องทางส่งออกไปต่างประเทศ ยอดขายค่อนข้างคงที่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากช่วงที่ทางประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศอัตราภาษีนำเข้าในอัตราใหม่  จึงทำให้ลูกค้าในต่างประเทศรอดูความชัดเจนก่อน  แต่ปัจจุบันได้ดำเนินการสั่งซื้อเป็นปกติแล้ว
 
แผนงานสำคัญในครึ่งหลังของปีนี้
ออกสินค้าใหม่  น้ำปลาผงสูตรลดโซเดียม ชนิดซอง
ในส่วนของการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ทางบริษัทยังคงเน้นถึงการเน้นนวัตกรรมใหม่ๆ ในตลาด  ซึ่งบริษัทจะวางตลาดน้ำปลาผงสูตรลดโซเดียม ชนิดซอง ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น ดังนี้
  • มีโปรตีนสูงกว่าน้ำปลาเกรด A ทั่วไปเท่าตัว ให้คุณค่าของโปรตีนต่อร่างกาย
  • รสชาติเค็มน้อยกว่าน้ำปลาปกติ มีส่วนผสมของเกลือน้อยกว่าปกติ 30 % เพราะทำจากน้ำปลา ไลท์ สูตรลดโซเดียม
  • มีรสขาติกลมกล่อมอุมามิจากกรดอะมิโน
  • กลิ่นไม่แรง
  • พกพาสะดวก น้ำหนักเบา
  • อายุสินค้ายาวนานกว่าน้ำปลาปกติเท่าตัว
  • Global friendly ทั้งในด้านลดขนาด packaging เพื่อสิ่งแวดล้อม และ มีรสชาติที่เป็นสากล
ทั้งนี้ทางบริษัทเป็นรายแรกที่ผลิตน้ำปลาผง เพื่อจำหน่ายให้ช่องทางลูกค้าอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ 30 กว่าปีที่ผ่านมา และเป็นผู้ผลิตน้ำปลาผงรายใหญ่ในประเทศไทย   โดยทางบริษัทได้จำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศ และส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์  ซึ่งด้วยคุณสมบัติดังกล่าว รวมทั้งน้ำหนักเบา จึงทำให้สามารถส่งออกในปริมาณมากกว่าน้ำปลาปกติหลายเท่าตัว

สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในการจัดจำหน่ายน้ำปลาผงสูตรลดโซเดียม ชนิดซองนี้  ทางบริษัทมุ่งเน้นผู้บริโภคสมัยใหม่ ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเก็บและพกพาสินค้า ต้องการน้ำปลาที่มีกลิ่นไม่แรง ความเค็มต่ำ รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางท่องเที่ยว   ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อทั้งประกอบอาหาร หรือเพื่อเสริมรสชาติของอาหาร

โดยช่องทางการจัดจำหน่าย ทางบริษัทจะกระจายสินค้าไปยังช่องทาง modern trade  ออนไลน์ เพื่อเสริมภาพพจน์ของแบรนด์   แต่สำหรับช่องทางที่มุ่งเน้นยอดขายหลัก จะยังคงเป็นช่องทางอุตสาหกรรมในประเทศ และส่งออกไปต่างประเทศ 
 
และในครึ่งปีหลังนี้  ทางบริษัทยังคงมีรายการส่งเสริมการขาย “ลดยกแบรนด์” ในราคา unseen price ทั้งในช่องทาง modern trade และ traditional trade เช่นเดียวกับครึ่งปีแรก เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 88ปีของบริษัท และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม และส่งเสริมภาคประชาชนของมหภาค ในการลดค่าจ่ายในการประกอบอาหารให้น้อยลง
รวมทั้งการขยายช่องทางการขายสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้ออกวางตลาดไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ น้ำปลากลุ่ม premium segment ทั้งน้ำปลาไลท์ (ลดโซเดียม), น้ำปลาซีเลคเต็ด (อเนกประสงค์ รสกลมกล่อม), น้ำจิ้มซีฟู้ด, กะปิพรีเมียม, ซอสกระเพรา, ซอสต้มยำ และผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอื่น ๆ
 
เป้าหมายการเติบโต
ด้วยทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมตลาดน้ำปลาไทยที่มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท บริษัทตั้งเป้าว่าภายในปี 2570 จะสามารถผลักดันรายได้รวมสู่ระดับ 1,000 ล้านบาท พร้อมก้าวขึ้นเป็น Top 4 แบรนด์ชั้นนำ ในตลาดน้ำปลาไทย โดยวางสัดส่วนรายได้ 60% จากตลาดในประเทศ และ 40% จากการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเป้าหมาย ได้แก่ อินโดนีเซีย แคนาดา ยุโรป ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
 
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
 “ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ” ตัวจริงเรื่องแฮมเบิร์ก เปิดสาขา 2 เซ็นทรัลพาร์ค พร้อมชวนสัมผัส 5 Senses Dining Experience  ครบทั้งรสชาติ กลิ่น เสียง สัมผัส และบรรยากาศสุดประทับใจ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
“ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ” ตัวจริงเรื่องแฮมเบิร์ก เปิดสาขา 2 เซ็นทรัลพาร์ค พร้อมชวนสัมผัส 5 Senses Dining Experience ครบทั้งรสชาติ กลิ่น เสียง สัมผัส และบรรยากาศสุดประทับใจ
ตัวจริงเรื่องแฮมเบิร์กที่สร้างไวรัลทั่วโซเชียล แม้ ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ (Hikiniku To Come) ร้านแฮมเบิร์กออริจินอลจากญี่ปุ่นแท้ ๆ จะมีเพียงแค่เมนูเดียว แต่ก็เสิร์ฟแฮมเบิร์กรวมแล้วกว่า 500,000 ชิ้น พร้อมยอดจองคิวเฉลี่ย 450 คิวต่อวันกับสาขาแรกในประเทศไทยที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 7 โซน Atrium) พร้อมต่อยอดสู่การขยายสาขา 2 เซ็นทรัลพาร์ค ใครที่ยังไม่เคยลิ้มลองร้านอาหารแบบ Specialty ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องแบบนี้ ต้องห้ามพลาด! เปิดให้บริการในเดือน กันยายน 2568 นี้