เมื่อคุณภาพต้องมาก่อน มารู้จักประโยชน์ของการใช้น้ำมันมะกอกกับอาหารไทยกันเถอะ

1    3,079    9    7 ธ.ค. 2563 17:03 น.   
แบ่งปัน

เมื่อคุณภาพต้องมาก่อน
มารู้จักประโยชน์ของการใช้น้ำมันมะกอกกับอาหารไทยกันเถอะ

   เมื่อลมหนาวเริ่มมาเยือน หลายร้านอาหารก็เริ่มรังสรรค์เมนูใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับวัตถุดิบประจำฤดูกาลที่มี ช่วงสัปดาห์นี้เชฟอันดับต้นๆ ของประเทศกำลังมองหาว่าน้ำมันประกอบอาหารประเภทใด จะเหมาะสมกับความต้องการของพวกเขามากที่สุด

อาหารทุกเมนูมักจะเริ่มต้นด้วยส่วนผสมง่ายๆ ที่จะดึงเอารสชาติของเมนูนั้นๆ ออกมาให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเทศ สมุนไพร ผิวส้ม ผิวมะนาว ไปจนถึงน้ำมันประกอบอาหาร ที่จะต้องสามารถเพิ่มมิติของรสชาติ ผิวสัมผัส และกลิ่นของอาหารทุกๆ จานได้

และเพื่อให้ได้อาหารที่มีคุณภาพที่สุด ก็ควรจะเลือกใช้น้ำมันประกอบอาหารคุณภาพสูงที่สามารถใช้ได้กับการปรุงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการ อบ ย่าง ทอด หมัก ราดเส้นพาสต้า หรือเพิ่มรสให้กับสลัดผักแสนโปรดของคุณ นอกจากนั้นยังต้องเป็นน้ำมันที่อุดมไปด้วยไขมันชนิดดี ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทยที่ใส่ใจในสุขภาพ

งานวิจัยภายใต้โครงการ “อาหารไทยหัวใจดี” โดยมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ระบุว่าน้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ อาทิ เบาหวาน มะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือดเนื่องจากอุดมไปด้วยโพลีฟีนอล สารต้านอนุมูลอิสระ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว วิตามินอีและเค

น้ำมันมะกอกนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระ และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในปริมาณที่สูง ซึ่งช่วยลดความดันรวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่บริโภคน้ำมันมะกอกเป็นประจำนั้น สามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงได้ถึงร้อยละ 35 นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบ และรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย[1]
 
[1] Healthline, 15 Incredibly Heart Healthy Foods

เบอร์ทอลลี่ ให้ความสำคัญกับขั้นตอนการผลิตตั้งแต่ก่อนเริ่มเก็บผลมะกอก เพื่อให้แน่ใจว่าประโยชน์ของน้ำมันมะกอกนั้นจะยังคงอยู่จนถึงมือผู้บริโภค

น้ำมันมะกอกที่ดีนั้นได้มาจากวัตถุดิบสำคัญอันแสนเรียบง่ายเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือผลมะกอกนั่นเอง ขณะที่ไวน์ชั้นเลิศเกิดการจากบ่มด้วยระยะเวลานาน แต่การผลิตน้ำมันมะกอกนั้นกลับกัน เพราะว่ามะกอกจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และโพลีฟีนอลที่มากกว่าเมื่อเก็บจากต้นทันทีที่สุกเต็มที่
 
และเพื่อให้แน่ใจว่าเราเก็บแต่มะกอกคุณภาพระดับพรีเมี่ยม เบอร์ทอลลี่ ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบออร์แกนิคและยั่งยืนเท่านั้น โดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์และหมั่นตรวจสอบคุณภาพผลผลิตตลอดฤดูเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุด

หลังจากที่ชาวไร่เก็บผลมะกอกจากต้นด้วยมือแล้ว ผลผลิตที่ได้จะถูกลำเลียงไปยังโรงสกัดทันที เบอร์ทอลลี่ควบคุมขั้นตอนนี้ให้เกิดขึ้นภายใน 10 ชั่วโมงเพื่อรักษาความสดใหม่ ทั้งยังคงรสชาติและคุณค่าทางอาหารสูงสุด น้ำมันมะกอกที่ดีวัดได้จากค่ากรดไขมันที่ต่ำ สอดคล้องกับแนวคิดของเบอร์ทอลลี่ที่ว่า ยิ่งเก็บเกี่ยวผลมะกอกและสกัดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดีเท่านั้น เพราะว่าน้ำมันมะกอกที่ได้จะมีค่ากรดไขมันที่ต่ำกว่า จึงส่งผลดีต่อสุขภาพยิ่งกว่า

ดีไซน์ของบรรจุภัณฑ์นั้น ไม่ได้มีไว้เพียงแค่เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว เพราะว่ามันส่งผลต่อคุณภาพของน้ำมันมะกอกด้วย ขวดแก้วสีเขียวแบบที่ใช้บรรจุน้ำมันมะกอกเบอร์ทอลลี่ ชนิดเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นนั้น    ทำหน้าที่ป้องกันน้ำมันจากความร้อน แสง และออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพให้อยู่ในระดับสูงสุดตลอดอายุของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ฉลากกำกับบนขวดยังบอกรายละเอียดและข้อมูลต่างๆ อย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคทราบถึงวิธีการใช้ที่เหมาะสม รวมถึงวันเดือนปีที่ผลิต และวันหมดอายุ

เชฟระดับโลกหลายคนเข้าใจถึงความสำคัญของคุณภาพของส่วนผสมต่างๆ ที่มีส่วนในการเพิ่มรสชาติและคุณประโยชน์ของอาหาร และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้น้ำมันมะกอกกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับอาหารไทย

“เราภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคชาวไทยมีสุขภาพที่ดี และได้ช่วยจุดประกายการใช้ชีวิตที่มีความสุขอันเป็นผลมาจากการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วยผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอกคุณภาพสูง อุดมไปด้วยนานาประโยชน์ เปี่ยมคุณค่าทางโภชนาการ โดดเด่นด้วยคุณภาพ อีกทั้งยังเหมาะกับกรรมวิธีการปรุงอาหารที่หลากหลาย เพื่อช่วยส่งผลให้ผู้บริโภคอิ่มอร่อยแบบสุขภาพดีได้ในทุกๆ วัน” นายโฮเซ่    มาเรีย เซกราโด ฮิเมเนส ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ ของดีโอเลโอ กล่าว
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
สหฟาร์ม เดินหน้ายกระดับสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ติดตั้งโซลาร์เซลล์ร่วม WHAUP พร้อมทดสอบระบบ EV หนุนองค์กรก้าวสู่อนาคตพลังงานสะอาด โชว์แผนลดต้นทุนพลังงานจาก 260 ล้านบาทต่อเดือน เผยแนวคิดสอดคล้องวิสัยทัศน์ผู้นำ “เติบโตเคียงคู่สิ่งแวดล้อม” สำนักพิมพ์แม่บ้าน
สหฟาร์ม เดินหน้ายกระดับสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ติดตั้งโซลาร์เซลล์ร่วม WHAUP พร้อมทดสอบระบบ EV หนุนองค์กรก้าวสู่อนาคตพลังงานสะอาด โชว์แผนลดต้นทุนพลังงานจาก 260 ล้านบาทต่อเดือน เผยแนวคิดสอดคล้องวิสัยทัศน์ผู้นำ “เติบโตเคียงคู่สิ่งแวดล้อม”
บริษัท สหฟาร์ม จำกัด ผู้นำการผลิตและส่งออกไก่ครบวงจรอันดับ 1 ของประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “การเติบโตที่ยั่งยืนควบคู่สิ่งแวดล้อมและชุมชน” ด้วยการเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ GO Green อย่างเป็นรูปธรรม โดยร่วมมือกับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) – WHAUP ผู้นำด้านโซลูชันพลังงานครบวงจร ในการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์จำนวน 14 โครงการทั่วทั้งเครือข่ายโรงงานและฟาร์มของสหฟาร์ม