3 ร้านดัง เจ้าของรางวัล LINE MAN Wongnai Users’ Choice 2022 เผยเคล็ดลับความสำเร็จที่มัดใจคนไทย กว่า 21 ล้านคน

0    3,119    0    22 เม.ย. 2565 13:30 น.   
แบ่งปัน

3 ร้านดัง เจ้าของรางวัล LINE MAN Wongnai Users’ Choice 2022 เผยเคล็ดลับความสำเร็จที่มัดใจคนไทย กว่า 21 ล้านคน

   LINE MAN Wongnai เชื่อเสมอว่า “อาหาร” คือสิ่งพิเศษที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวความตั้งใจและความพิถีพิถันของคนทำผ่านเมนูที่ทำออกมาได้ และแน่นอนว่าเรามีร้านอาหารคุณภาพอยู่ทั่วประเทศไทย ตั้งแต่ร้านสตรีทฟู้ดจนถึงไฟน์ไดนิ่ง เราจึงขอนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังของร้านอาหารที่ได้รับรางวัล LINE MAN Wongnai Users’ Choice 2022 ที่ผ่านการคัดเลือกจากรีวิว เรตติ้ง และยอดออร์เดอร์จากผู้ใช้แอปฯ LINE MAN และ Wongnai กว่า 21 ล้านคน โดยจะเล่าถึง 3 ร้านชื่อดังอย่าง “ขาหมูเจริญแสง” เจ้าของรางวัล สุดยอดร้านสตรีทฟู้ด, “ครัวเจ๊แมว ปากน้ำปราณ” เจ้าของรางวัล สุดยอดร้านอาหารทะเล และ “69 Rockmen” เจ้าของรางวัล ร้านแจ้งเกิดแห่งปี

ขาหมูเจริญแสง: 63 ปี ความอร่อยรุ่นสู่รุ่น เจ้าของรางวัล LINE MAN Wongnai Users’ Choice 7 ปีซ้อน


ขาหมูเจริญแสง
 
“เจริญแสง” ร้านขาหมูเลื่องชื่อที่ปัจจุบันมีอายุกว่า 63 ปี ซึ่งคุณบุศรินทร์ บรรเจิดประยูร ทายาทรุ่นที่ 3 ได้บอกเล่าที่มาของชื่อร้านนี้ว่า “คำว่า “เจริญ” มาจากสมัยก่อนที่จะนิยมใช้คำนี้กัน ส่วนคำว่า “แสง” มีที่มาจากการที่ร้านของเราใช้แก๊สเยอะ”

ด้วยกรรมวิธีการทำที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอนเพื่อที่จะคงรสชาติต้นฉบับตั้งแต่สมัยคุณปู่ ทำให้ร้านได้รับรางวัลจาก LINE MAN Wongnai Users’ Choice 7 ปีซ้อน จนถึงปัจจุบัน “เคล็ดลับของการทำขาหมูของเรา คือ “การอบข้ามคืน” โดยต้มตั้งแต่ 4 โมงเย็น เมื่อได้ที่แล้ว จะอบหมูไว้ข้ามคืน และต้มอีกครั้งในช่วงเช้าวันต่อมา เพื่อให้เนื้อมีความนุ่มและซึมเครื่อง” แต่ไม่ใช่เพียงพระเอกของร้านอย่างขาหมูเท่านั้นที่พวกเขาใส่ใจ เพราะการที่จะส่งต่อตำนานความอร่อยให้กับลูกค้าได้นั้น องค์ประกอบอื่นๆ ในจานก็มีความสำคัญ อย่างเครื่องเคียงที่ทางร้านจะเลือกใช้เป็นผักแห้งเค็ม ที่ผ่านกรรมวิธีการดองข้ามวันเพื่อคืนความนิ่ม คายความเค็ม แล้วจึงนำไปต้มน้ำหมูให้เข้ารส ซึ่งจะมีขั้นตอนการทำที่ซับซ้อนกว่าผักดองเปรี้ยวนั่นเอง

สำหรับรางวัล สุดยอดร้านอาหารสตรีทฟู้ด จาก LINE MAN Wongnai Users’ Choice 2022 ยังคงเป็นอีกหนึ่งในความภูมิใจของเรา นอกจากการทำร้านที่ส่งต่อรุ่นสู่รุ่นแล้ว เราเองก็ยินดีที่ได้เห็นลูกค้าของเราตั้งแต่รุ่นพ่อที่ได้เคยพาลูกมาทาน เปลี่ยนผ่านไปจนถึงลูก ที่มาซื้อให้พ่อไปกินแทน จนปัจจุบันนี้ เราก็มีโอกาสได้เห็นลูกที่มาซื้อให้ลูกของตัวเองไปกิน หรือบางคนเคยมาร้านตั้งแต่เป็นแฟนกัน ซึ่งหลังจากแต่งงานมีลูก เขาก็ยังคงกลับมา เราดีใจที่สิ่งที่เราทำเป็นอาหารของหลายๆ ครอบครัว

ครัวเจ๊แมว ปากน้ำปราณ: ยืนหยัดส่งอาหารทะเลคุณภาพด้วยราคาเป็นมิตร แม้ในช่วงโควิดที่รายได้ร้านชะลอตัว

ป้าแมว คุณอภิญญา แซ่ตัน เจ้าของครัวเจ๊แมวแห่งปากน้ำปราณ ร้านอาหารทะเลที่ยึดคติ “เราชอบกินแบบไหน ก็ส่งต่อให้ลูกค้าแบบนั้น” ด้วยการนำจุดแข็งของการอาศัยบริเวณพื้นที่ใกล้ทะเล มาสรรค์สร้างและส่งต่อรสมือในรูปแบบเมนูทะเลราคาย่อมเยาให้เหล่าลูกค้ามากว่า 20 ปี

ครัวเจ๊แมว ปากน้ำปราณ
 
ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาร้านของป้าแมวเป็นอีกหนึ่งร้านที่ได้รับผลกระทบจากจำนวนลูกค้าที่ลดลง และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่ป้าก็ยังยืนยันที่จะขายอาหารทะเลเหล่านี้ในราคาเดิม “โควิด-19 ทำให้หลายคนหาเงินยากขึ้น คนส่วนใหญ่ต้องประหยัดกับการกิน ป้าคิดว่าเราช่วยเขาได้โดยการไม่ขึ้นราคาอาหาร และยอมกำไรลดลงนิดหน่อยในช่วงนั้น” ร้านของป้านั้นหาไม่ยากด้วยโลเคชั่นที่อยู่ติดกับถนน ด้วยสไตล์การจัดร้านที่เรียบง่าย แต่รสชาติกลับติดตราตรึงใจถึงขั้นที่ลูกค้ามากมายต้องกลับมากินซ้ำทุกครั้งที่แวะมาปราณบุรี ซึ่งป้าก็ได้ยกหนึ่งเมนูเด็ดของร้านอย่าง “แกงส้มไข่ปลา” มาเรียกน้ำย่อยด้วยตัวไข่ปลาที่นุ่มและหนึบ ไม่แข็งกระด้าง พร้อมเครื่องแกงพริกสดเผ็ดจัดจ้านในแกงส้มที่ทำครกต่อครก ดังนั้นจึงสามารถที่จะควบคุมความเผ็ดได้ตามใจสำหรับผู้ที่ไม่ชื่นชอบรสจัดเกินไป

“ต้องขอบคุณลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับร้านเรา มันเกิดขึ้นได้จากการที่ลูกค้ามาทาน เมื่อประทับใจก็แชร์กันต่อออกไป” สำหรับร้านครัวเจ๊แมวได้รับรางวัล LINE MAN Wongnai Users’ Choice ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลา 4 ปีแล้ว และในปีนี้ครัวเจ๊แมว ปากน้ำปราณ คือเจ้าของรางวัลสุดยอดร้านอาหารทะเล ซึ่งป้าแมวก็ดีใจทุกครั้งสำหรับรางวัลนี้ และแน่นอนว่าป้าแมวจะยังคงขายอาหารคุณภาพให้กับเหล่าลูกค้าทุกคนที่แวะเวียนไปเสมอ “ในเมื่อสามารถหาสินค้าทะเลได้ง่าย เราเลือกขายออกมาในราคากลางๆ ให้ลูกค้าที่มาทานเขาอยู่ได้ เราอยู่ได้ แล้วเราดีใจจริงๆ ที่มาอยู่ตรงนี้ได้”

69 Rockmen: ราเมงน้ำซุปใส ที่ถ่ายทอดความประณีตสไตล์ต้นตำรับญี่ปุ่นชามต่อชาม ขายจำกัดเพียงวันละ 69 ชามต่อวัน

ร้านราเมงน้ำซุปใสต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ๆ จากย่านทองหล่อ ในชื่อ “69 Rockmen” ที่ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของเชฟอากิฮิโระ ฟูจิซาวะ (Akihiro Fujisawa) ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวและวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านอาหารมาให้คนไทยได้ลิ้มลอง ซึ่งขายจำนวนจำกัดต่อวันแค่ 69 ชามเท่านั้นเพื่อควบคุมรสชาติก่อนจะออกไปเสิร์ฟลูกค้านั่นเอง

ราเมงของร้านนี้จะถูกทำขึ้นใหม่ชามต่อชามจากเชฟโดยตรง เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพ และแสดงออกถึงความพิถีพิถัน ที่เห็นได้จากการเรียงตัวที่สวยงามของเส้นราเมงในชามพร้อมน้ำซุปร้อนๆ โดยที่ร้านจะใช้เบสของน้ำซุปเป็น “ซุุปไก่” ที่ผ่านการต้มด้วยไฟอ่อนเป็นเวลา 8 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำซุปมีความใส ซึ่งการใช้ไฟที่แรงจนเกินไปอาจส่งผลให้น้ำซุปมีความข้นได้ สำหรับราเมงที่ถือเป็นตัวเอกของร้านทั้ง 2 ตัว ได้แก่ ชิโอะราเมง หรือราเมงซุปเกลือ ที่ประกอบไปด้วยเกลือ 2 ชนิดจากโอกินาวา พร้อมไข่ดองสีชมพูที่มาจากการหมักร่วมกับซากุระเอบิ (กุ้งตัวเล็กสีชมพู) พร้อมเครื่องเคียงในชามอย่าง หมูชาชู เม็มมะ (หน่อไม้ดอง) สาหร่าย และโรยด้วยต้นหอมซอย สำหรับอีกหนึ่งตัวเอก อย่าง โชยุราเมง จะประกอบไปด้วยส่วนผสมของโชยุจาก 3 จังหวัดในญี่ปุ่นอย่างจังหวัดไอจิ ชิมะเนะ และนากาโนะ ซึ่งโชยุเหล่านี้เป็นโชยุสำหรับนำมาประกอบการทำราเมงโดยเฉพาะ และ 69 Rockmen ถือเป็นร้านแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่ใช้โชยุตัวนี้ นอกจากนี้ เชฟได้เผยถึงทริคสำหรับการทานราเมงตามแบบฉบับคนญี่ปุ่นด้วยว่า “หากต้องการทานตามแบบฉบับของคนญี่ปุ่นเรามักจะใช้ตะเกียบคีบเส้นลงไปจุ่มในน้ำซุปเพื่อให้ตัวเส้นได้ซึมซับรสชาติเข้าไป ได้รสที่อร่อยและกลมกล่อม แล้วซดเส้นขึ้นมาพร้อมกับเสียง “ซู้ด” ท้ายที่สุดจึงซดน้ำซุปทีหลัง” แต่ไม่ว่าเหล่าลูกค้าจะเลือกทานราเมงด้วยวิธีใด ก็ยังคงมั่นใจได้ว่าทุกคนจะยังคงได้ลิ้มรสความอร่อยแบบต้นตำรับไม่ต่างกัน

ในฐานะของ 69 Rockmen เจ้าของรางวัล ร้านแจ้งเกิดแห่งปี LINE MAN Wongnai Users’ Choice 2020 นี้ เชฟได้ส่งความยินดีและฝากถึงเหล่าลูกค้าว่า “ อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสประสบการณ์การต่อคิวตามสไตล์ร้านราเมงญี่ปุ่น และลิ้มลองรสชาติของร้านเรา ซึ่งทั้งเชฟ และพนักงานของ 69 Rockmen ทุกคน จะยังคงมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อส่งต่อราเมงคุณภาพและบอกเล่าต้นฉบับความเป็นญี่ปุ่นให้กับทุกคน”

เชื่อว่าเรื่องราวของ 3 ร้านอาหารจะทำให้ผู้อ่านทุกคนได้มีความสุขกับการค้นหาร้านอาหารคุณภาพใหม่ๆ และซัพพอร์ตร้านเดิมที่ประทับใจต่อไป และนอกจากนี้ รางวัล LINE MAN Wongnai Users’ Choice 2022 ยังรวมร้านอาหารกว่า 540 ร้านทั่วประเทศไทยที่ได้รับรางวัลจากการโหวตของเหล่านักกิน 77 จังหวัดมาไว้ให้ทุกคนได้ไปตามรอยกันได้แล้วที่ https://www.wongnai.com/users-choice
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
ครั้งแรกในประเทศไทยกับ Seafood from Norway Festival 2025 ประสบการณ์ป๊อปอัพสุดพิเศษ เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์
Seafood from Norway Festival 2025 ป๊อปอัพสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมนำทุกท่านดำดิ่งสู่โลกแห่งอาหารทะเลจากน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของนอร์เวย์ ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสและสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง Seafood from Norway และผู้บริโภคชาวไทย ถ่ายทอดเรื่องราวของธรรมชาติ ผู้คน และอนาคตที่มีร่วมกัน พร้อมกิจกรรมโซนอินเทอร์แอคทีฟ ลิ้มลองเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และบูธจากพาร์ทเนอร์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–นอร์เวย์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–7 กันยายน 2568 เวลา 10.00–22.00 น. ณ EM MARKET ห้างสรรพสินค้า EMSPHERE กรุงเทพฯ
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก  ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์แม่บ้าน
CEA เปิด “นิทรรศการ Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” ชวนสำรวจซอสไทยกับรสชาติที่มัดใจครัวโลก ไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ลิ้มรสได้ เปิดโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 พฤศจิกายน ณ TCDC กรุงเทพฯ
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เปิดนิทรรศการ “Thai Local Sauce อร่อยเหยาะ” หยิบซอสปรุงรสท้องถิ่นมาต่อยอดในมุมมองใหม่ภายใต้แนวคิด “วัฒนธรรมที่กินได้” ร้อยเรียงเรื่องราวผ่าน 4 โซนนิทรรศการที่ชวนสำรวจทั้งวัฒนธรรมการกิน ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านขวดซอส ลิ้มรสซอสไทย ที่ถูกครีเอตในรูปแบบใหม่ พร้อมมองโอกาสของเครื่องปรุงไทยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยนิทรรศการดังกล่าวสามารถเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้จนถึง 23 พฤศจิกายน 2568 ณ Front Lobby ชั้น 1 TCDC กรุงเทพฯ