เพื่อนๆ เคยรู้สึกระคายเคืองตา แสบตา ตาพร่ามัว และตาเปลี่ยนสีเป็นสีแดงไหมค่ะ ซึ่งนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด “โรคตาแดง”
โรคตาแดง (Conjunctivitis) เป็นโรคที่เกิดจากอักเสบของชั้นเนื้อเยื่อใสที่คลุมอยู่บนตาขาว เปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนหรือแดงจัด ที่เกิดจากการอักเสบและเส้นเลือดฝอยขยายตัว ระคายเคืองตา ตาขาวจะมีสีแดงเรื่อๆ และมีขี้ตามาก ซึ่งจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มอาดิโนไวรัส (Adenovirus), การติดเชื้อแบคทีเรีย S.epidermidis, S.aureus หรือจากการแพ้ เช่น แพ้เกสรดอกไม้ ฝุ่น ยา หรือควันบุหรี่ ร่วมกับโรคภูมิแพ้ของอวัยวะอื่น เช่น น้ำมูกไหล หืด หรือผื่นแพ้ที่ผิวหนัง
อาการ
จะมีอาการคันตา น้ำตาไหล ปวดตา แสบตา แพ้แสง เคืองตา และขี้ตามีสีต่าง ๆ ซึ่งสามารถบอกถึงสาเหตุของโรคได้ เช่น ขี้ตาใสเหมือนน้ำตา เกิดจากไวรัสหรือโรคภูมิแพ้, ขี้ตาเป็นเมือกขาว เกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง, ขี้ตาเป็นหนองร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้าทำให้ลืมตาได้ลำบาก มักเป็นที่ตาข้างใดข้างหนึ่งก่อน
การติดต่อ
โรคตาแดง สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสกับผู้ป่วยโรคตาแดง จากการสัมผัสน้ำตาของผู้ป่วยที่ติดมากับนิ้วมือ และแพร่จากนิ้วมือมาติดที่ตาโดยตรง, การใช้สิ่งของร่วมกัน ฝุ่นละออง หรือน้ำสกปรกเข้าตา แต่จะไม่ติดต่อผ่านทางการสบสายตา ทางอากาศ หรือรับประทานอาหารร่วมกัน อาการจะแสดงออกภายหลังการติดเชื้อ 1-2 วัน และระยะการติดต่อไปยังผู้อื่นประมาณ 14 วัน
การรักษา
แพทย์จะรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะหยอดตาและป้ายตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส แต่ถ้ามีอาการเจ็บตาให้รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ถ้ามีอาการเคืองตาให้ใส่แว่นกันแดด ถ้ามองแสงสว่างไม่ได้ รวมทั้งควรล้างมือบ่อยๆ ประคบเย็นวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ10-15 นาที ที่สำคัญควรพักการใช้สายตาด้วยการนอนหลับหรือหลับตาในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ไม่ควรขยี้ตา เพราะจะทำให้ตาระคายเคืองมากขึ้น