วันแห่งความสุขไม่ว่าจะเป็นวันคล้ายวันเกิด วันขึ้นปีใหม่ หรือแม้แต่วันครบรอบแต่งงาน นอกจากจะมีของขวัญพิเศษแล้ว ยังมีเค้กชิ้นพิเศษรวมอยู่ด้วยเสมอ ซึ่งนับว่าเป็นวัฒนธรรมที่ทำเหมือนกันเกือบทั่วโลก ดังนั้นการทำเค้กในลักษณะพิเศษ ๆ จึงมีให้เห็นอยู่เสมอในเมนู หรือแม้แต่ในหน้าหนังสือทั่วไป
สำหรับขนมเค้กนั้นนับเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ทำมาจากแป้ง น้ำตาล และส่วนประกอบอื่นๆ มีรสหวานและผ่านกระบวนการอบ นิยมรับประทานเป็นของหวาน และฉลองในเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเกิดและวันแต่งงาน ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายสูตรให้เลือกทำกัน อาทิ ชีสเค้ก ฟรุตเค้ก แพนเค้ก เค้กเนยสด และแยมโรล เป็นต้น
ขนมเค้ก มีรากศัพท์มาจากภาษาของชาวไวกิ้ง (Old Norse word) มาจากคำว่า “kaka” ประวัติเริ่มจากปี ค.ศ. 1843 โดยนักเคมีชาวอังกฤษชื่อ อัลเฟรด เบิร์ด ได้ค้นพบ“ผงฟู” ทำให้เขาสามารถทำขนมปังชนิดที่ไม่มียีสต์ได้เป็นครั้งแรก ทั้งนี้เนื่องมาจากภรรยาของเขา (Elizabeth) เป็นโรคภูมิแพ้อาหารที่มีส่วนผสมของไข่และยีสต์ และในราวศตวรรษที่ 13 มีการค้นพบหลักฐานการอบขนมเค้กขั้นแอดวานซ์ที่เก่าแก่ที่สุดจากชาวอียิปต์ โดยเป็นรสชาติของเค้กผลไม้และ Ginger Bread รูปแบบเค้กทรงกลมที่เราเห็นกันอย่างทุกวันนี้
จากการสำรวจข้อมูลทางประวัติศาสตร์พบว่าทฤษฎีเกี่ยวกับต้นกำเนิดของธรรมเนียมการใช้เค้กเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการฉลองวันเกิดนั้นมีด้วยกันหลากหลายทฤษฎี ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์อาหารเชื่อว่า เค้กวันเกิดมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว เนื่องจากคนสมัยก่อนชอบทำขนมอบจำพวกขนมเค้กและขนมปังเพื่อใช้บูชาในงานพิธีกรรมทางศาสนา งานแต่งงาน งานศพ รวมถึงงานวันเกิดด้วย ในขณะที่บางคนเชื่อว่าเริ่มขึ้นในยุคกลาง โดยชาวกรีกนิยมทำเค้กน้ำผึ้งหรือขนมปังหวานรูปวงกลมเพื่อนำไปบูชาเทพจันทราที่วิหารอาร์เทมิส ขณะที่นักทฤษฎีบางสำนักเชื่อว่าจุดเริ่มต้นของเค้กวันเกิดมีขึ้นครั้งแรกในประเทศเยอรมนีช่วงยุคกลาง ซึ่งเป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองของศาสนาคริสต์ โดยชาวคริสต์จะทำขนมปังหวานเป็นรูปพระเยซูทรงอยู่ในผ้าห่อตัวในวันประสูติ เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ที่ระลึกในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ ต่อมาจึงได้ไอเดียทำเค้กเพื่อฉลองวันเกิดให้แก่เด็ก ๆ จนกระทั่งปัจจุบัน
