ลอรีอัล มอบทุนพิเศษเพื่องานวิจัยโควิด-19 เผยผลงาน 3 นักวิจัยสตรีไทย ผู้ได้รับทุนพิเศษจากโครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์”

1    1,307    9    19 มิ.ย. 2563 13:54 น.   
แบ่งปัน

ลอรีอัล มอบทุนพิเศษเพื่องานวิจัยโควิด-19 เผยผลงาน 3 นักวิจัยสตรีไทย
ผู้ได้รับทุนพิเศษจากโครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์”
กิจกรรมภายใต้โครงการ L’Oréal Thailand COVID-19 Solidarity ส่วนสนับสนุนสายงานวิทยาศาสตร์

   บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศรายชื่อ 3 นักวิจัยสตรีผู้ได้รับทุนพิเศษ เพื่องานวิจัยโควิด-19 จากโครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” ที่มีผลงานสร้างประโยชน์อย่างโดดเด่นในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในหลากหลายด้าน ตอกย้ำความมุ่งมั่นโครงการ L’Oréal Thailand COVID-19 Solidarity ในการปันน้ำใจและให้การสนับสนุนภาคส่วนต่างๆ เพื่อร่วมช่วยเหลือในช่วงวิกฤติโควิด-19

นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ลอรีอัลเชื่อมั่นมาตลอดว่า โลกต้องการวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ต้องการผู้หญิงเพื่อร่วมเป็นแนวหน้าในสร้างสรรค์งานวิจัยเพื่อมวลมนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสถานการณ์การระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโควิด-19  งานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เป็นความหวังสำคัญในการคิดค้นวิธียับยั้งและรักษาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เราหวังว่าการมอบทุนพิเศษเพื่องานวิจัยโควิด-19 จากโครงการลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” นี้ จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่สนับสนุนผลงานที่มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดี โดยนอกจากการสนับสนุนด้านงานวิจัยนั้น ลอรีอัล ยังให้ความช่วยเหลือหลายภาคส่วน อาทิ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มธุรกิจร้านเสริมสวย และ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ภายใต้โครงการ L’Oréal Thailand COVID-19 Solidarity ซึ่งเรามุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมช่วยเหลือประเทศไทย”

นักวิจัยสตรีทั้ง 3 ท่านที่ได้รับทุนพิเศษเพื่องานวิจัยโควิด-19 จากโครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” ในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คือ รศ.พญ. อรุณี ธิติธัญญานนท์ จากภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กับงานวิจัยหัวข้อ โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาวิธีการวินิจฉัย วิธีการรักษาโรค วัคซีนของโรค COVID-19 และการติดตามการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมและระบาดวิทยา ที่เกิดจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ด้านสาขาวัสดุศาสตร์ คือ ดร.นฤภร มนต์มธุรพจน์ จากศูนย์วิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กับงานวิจัยหัวข้อ การเตรียมและทดสอบคุณสมบัติของวัสดุคอมพอสิทของไฮดรอกซีอะพาไทต์และไททาเนียมไดออกไซด์สำหรับใช้เป็นแผ่นกรองจุลินทรีย์ และ สาขาเทคโนโลยี คือ ดร. อนันต์ลดา  โชติมงคล จากศูนย์วิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กับงานวิจัยหัวข้อ ระบบติดตามและประเมินผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อ COVID-19 (DDC-Care)

ผลงานของนักวิจัยสตรีผู้ได้รับทุนทั้ง 3 ท่าน ได้รับการพิจารณาในด้านประโยชน์และการนำใช้อย่างเป็นรูปธรรม โดยคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ของโครงการฯ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิแถวหน้าในวงการวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย โดยคณะกรรมการล้วนเห็นชอบว่าเป็นผลงานวิจัยที่โดดเด่นและสมควรได้รับการเชิดชู

3 นักวิจัยสตรีผู้มีผลงานอันโดดเด่นที่ได้รับทุนพิเศษ เพื่องานวิจัยโควิด-19
รศ.พญ. อรุณี ธิติธัญญานนท์ ผู้ได้รับทุนวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ จากภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงรายละเอียดงานวิจัยว่า “ตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ได้ร่วมทำงานกับนักวิจัยกับคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และสภากาชาดไทย เพื่อศึกษาวิจัยควบคุมการระบาดของโรค โดยสามารถเพาะแยกเชื้อจากผู้ป่วยโควิด-19 และเลี้ยงเชื้อได้ตั้งแต่ระยะแรกของการระบาดในประเทศไทย และมีส่วนในโครงการวิจัยโรคดังกล่าวหลากหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาวิธีตรวจเซรุ่มเพื่อทดสอบแอนติบอดี้ลบล้างฤทธิ์ ซึ่งปัจจุบันได้ตรวจหาระดับแอนติบอดี้ลบล้างฤทธิ์ในเลือดของผู้ป่วยที่หายจากโรคแล้วเพื่อนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง ทั้งยังนำเอาความรู้พื้นฐานไปช่วยพัฒนานวัตกรรมชุดตรวจวินิจฉัยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 พร้อมนำเอาศักยภาพของห้องปฏิบัติการชีวะนิรภัยระดับ 3 มาช่วยพัฒนาชุด RT-LAMP ในระยะแรก รวมถึงให้คำปรึกษาในกระบวนการบ่มเพาะเทคโนโลยีกับบริษัทสตาร์ทอัพเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุดตรวจทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานและผ่านการรับรองโดยหน่วยงานของรัฐ”

“นอกจากนั้นยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาแพลตฟอร์มการคัดกรองยาต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019  โดยใช้เทคนิคอิมมูโนฟลูออเรสเซนส์ ซึ่งพบว่าสารสกัดจากกระชายขาวและสารสำคัญ 2 ชนิด มีศักยภาพในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของ SARS-CoV-2 ได้เกือบ 100% พัฒนาวัคซีนอาร์เอนเอเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งมีแผนที่จะผลิตและทดสอบในประเทศไทยทั้งหมด ทั้งยังมีส่วนร่วมในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมของไวรัสชนิดนี้ที่พบในรายงานทั่วโลกและในประเทศที่อาจมีผลต่อภูมิต้านทานของวัคซีน รวมถึงดูความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงทางรหัสพันธุกรรมกับความรุนแรงของโรค โดยจากการดำเนินการโครงการทั้งหมด เชื่อว่าจะนำไปสู่ทางออกที่มีประสิทธิภาพให้กับประเทศและขยายสู่ระดับโลกในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน”

ดร.นฤภร มนต์มธุรพจน์ ผู้ได้รับทุนวิจัยสาขาวัสดุศาสตร์ จากศูนย์วิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 และปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในระดับ PM2.5 ทำให้อยากผลิตและจัดจำหน่ายหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพในการกรองไวรัสและฝุ่น PM2.5 ไมครอน ที่ได้มาตรฐานในระดับอุตสาหกรรมในประเทศ เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพระบบทางเดินหายใจของประชาชนโดยเฉพาะในผู้สูงอายุและบุคลากรทางแพทย์ซึ่งนับเป็นกลุ่มเสี่ยง แต่หน้ากากอนามัยส่วนใหญ่ในท้องตลาดอาจยังไม่ครอบคลุมคุณสมบัติเหล่านี้ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ทีมจึงได้พัฒนาวัสดุคอมพอสิทของไฮดรอกซีอะพาไทต์และไททาเนียมไดออกไซค์ ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือจุลินทรีย์ ย่อยสลายจุลินทรีย์ เช่น ไวรัส H1N1 Influenza A และผลิตใช้ได้เองในประเทศได้ และมีการร่วมทดสอบประสิทธิภาพดังกล่าวกับ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล และได้มีการเผยแพร่ผลการศึกษาดังกล่าวในวารสารระดับนานาชาติแล้ว”

“นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้นำสารไฮดรอกซีอะพาไทต์และไทเทเนียมไดออกไซค์ เคลือบบนวัสดุนอนวูฟเวนแผ่นชั้นกรองบนเส้นใยธรรมชาติ เพื่อใช้เป็นชั้นกรองของหน้ากากอนามัยที่ตัดเย็บเป็นรูปทรง 3 มิติ ที่มี 4 ชั้น จากการทดสอบโดยห้องปฏิบัติการที่ประเทศสิงคโปร์ มีการยืนยันว่าสามารถกรอง PM2.5 ได้ 99% ตามมาตรฐาน ASTEM F2299 และจากการทดสอบประสิทธิภาพการกรองไวรัสของหน้ากากอนามัยโดยห้องปฏิบัติการของที่สหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการยืนยันว่ามีประสิทธิภาพกรองไวรัสได้ถึง 99% ตามมาตรฐาน ASTM F2100 โดยทางทีมวิจัยได้ทดลองผลิตในระดับอุตสาหกรรมและทดสอบตลาดในต่างประเทศจนได้รับผลตอบรับที่ดี จึงมีแนวคิดจะเดินหน้าผลิตในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยงานวิจัยนี้ จะช่วยลดการนำเข้าหน้ากากอนามัยและส่งเสริมการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ได้ต่อไปในอนาคต”

ด้าน ดร. อนันต์ลดา  โชติมงคล ผู้ได้รับทุนวิจัยสาขาเทคโนโลยี จากศูนย์วิจัยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือแพทย์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวถึงงานวิจัยว่า “การติดตามและเฝ้าระวังอาการผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคโควิด-19 เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการควบคุมโรคระบาด โดยระบบ DDC-Care หรือ Department of Disease Control Care ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุข ในการเฝ้าระวังและติดตามตำแหน่งที่อยู่ของผู้มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 และต้องกักตัวอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน โดยอาศัยเทคโนโลยีติดตามตัวผ่านอุปกรณ์พกพา ระบบ DDC-Care ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ เว็บไซต์สำหรับลงทะเบียนใช้งานระบบผ่าน SMS หรือ QR Code ที่มีการยืนยันตัวตน แอปพลิเคชัน DDC-Care ที่สามารถดึงพิกัดผู้ใช้งานแบบอัตโนมัติผ่านระบบ GPS และแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบเมื่อมีการออกนอกพื้นที่กักตัวที่ปักหมุดไว้เกินกว่าระยะที่กำหนด และ หน้ารายงานสรุปสถานการณ์ ที่มีการทำแสดงผลข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่สามารถดูข้อมูลกลุ่มเสี่ยงได้แบบเรียลไทม์”

“ระบบที่พัฒนาขึ้นนี้สามารถรองรับการใช้งานพร้อมกันได้มากกว่า 100,000 คน และผ่านการทดสอบความปลอดภัยจากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้งานจริงกับสถาบันบำราศนราดูรเป็นหน่วยงานแรก และปัจจุบันมีโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพที่ใช้งานระบบ DDC-Care แล้ว จำนวน 51 แห่ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและอำเภอ จำนวน 18 แห่ง และคาดหวังว่าระบบนี้จะขยายการใช้งานออกไปได้ทั่วประเทศ และจะเป็นอีกหนึ่งระบบที่ช่วยติดตามตำแหน่งที่อยู่ของผู้มีความเสี่ยงและอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ทุนพิเศษ โครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” เพื่องานวิจัยโควิด-19 เป็นทุนที่จัดตั้งขึ้นพิเศษภายใต้โครงการ L’Oréal Thailand COVID-19 Solidarity เพื่อเชิดชูงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่โดดเด่น จากนักวิจัยสตรีหลากหลายสาขา ได้แก่ สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาขาวัสดุศาสตร์ และ สาขาเทคโนโลยี โดยมอบทุนวิจัยให้ท่านละ 250,000 บาท

ทั้งนี้ โครงการทุนวิจัย ลอรีอัล ประเทศไทย เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ เป็นโครงการมอบทุนวิจัยที่ลอรีอัล ประเทศไทย จัดต่อเนื่องมาอย่างยาวนานทุกปีเพื่อสนับสนุนและเชิดชูนักวิจัยสตรีในประเทศไทย ผู้มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติในด้านชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม ในสถานการณ์โควิด-19 ลอรีอัล ยังคงเดินหน้าให้ทุนโครงการในปีนี้ แต่จะงดเว้นการจัดงานพิธีมอบทุนทั่วโลกตามมาตรการการป้องกัน ซึ่งขณะนี้ โครงการทุนวิจัยฯ ครั้งที่ 18 ประจำปี 2563 กำลังเปิดรับสมัครพิจารณาผลงาน โดยนักวิจัยสตรีไทยในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และวิทยาศาสตร์กายภาพ สามารถศึกษารายละเอียดและดำเนินการสมัครได้ที่: www.fwisthailand.com
ข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ
 “เจ้าสัว” เปิดตัวเซ็ตของขวัญมงคลต้อนรับปีม้า “Chaosua New Year Gift Set 2026” จัดเซ็ตรวมสินค้าตัวท็อป ส่งต่อความมงคลและความอร่อยให้คนที่คุณรัก  สำนักพิมพ์แม่บ้าน
“เจ้าสัว” เปิดตัวเซ็ตของขวัญมงคลต้อนรับปีม้า “Chaosua New Year Gift Set 2026” จัดเซ็ตรวมสินค้าตัวท็อป ส่งต่อความมงคลและความอร่อยให้คนที่คุณรัก
บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูป จากเนื้อสัตว์ของไทย เปิดตัวชุดของขวัญสุดพิเศษ “Chaosua New Year Gift Set 2026” ต้อนรับเทศกาลปีใหม่และปีม้าอย่างเป็นทางการ โดยคัดสรรผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของแบรนด์ นำมาจัดเซ็ตในบรรจุภัณฑ์ดีไซน์ใหม่สุดพรีเมียม ภายใต้แนวคิด “ส่งต่อความมงคลและความอร่อย” พร้อมถ่ายทอดแรงบันดาลใจ ผ่านโทนสีและลวดลายที่สะท้อนความเป็นสิริมงคลอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ทั่วประเทศ