5 เมนู "คะน้า" กรุบกรอบ

แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
7,062    6    -4    4 ก.พ. 2563 19:30 น.
แบ่งปัน
“เรื่องเล่าสุขภาพจากที่ตัวเองเคยสัมผัส พร้อมแปลงปลูกผักเล็ก ๆ ในรั้วบ้าน
 อยากกินเมื่อไรก็เดินไปเด็ดสด ๆ มาปรุงอาหารได้ทันที ถึงแม้จะไม่มีพื้นฐานด้านอาหารมากนัก แต่ก็รักในการทำ และอยากแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ให้อ่านกัน”
       ผักที่ปลูกง่ายอีกชนิดหนึ่งก็คือ “คะน้า” ซึ่งก็มีหลายพันธุ์ให้เลือกปลูก ถ้ามีพื้นที่ไม่มากแนะนำให้ลองปลูก คะน้ายอด ใช้เวลาประมาณ 40-45 วันก็สามารถเก็บกินได้แล้ว สามารถปลูกได้ในกระถางพลาสติก หรือจะใช้กล่องโฟมใบเก่าปลูกก็ได้เช่นกัน ส่วน คะน้าใบ ก็เลี้ยงไม่ยาก ระยะเวลาในการปลูกพอ ๆ กัน ต่างกันที่ดูแลยากกว่าหน่อย ถ้ามีพื้นที่มากแนะนำให้ทำเป็นแปลง จะได้ใบโตสวยน่ากิน

คะน้า เป็นผักที่พบได้ทั่วเอเชีย นิยมปลูกมากในประเทศจีน ไทย มาเลเซีย เป็นผักที่มีสารอาหารมาก ทั้งโปรตีนไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เบต้าแคโรทีน รวมถึง วิตามิน อีกหลายชนิด ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ส่งผลที่ดีต่อร่างกาย อาทิ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย และลดความเสี่ยงมะเร็ง แต่ก่อนที่จะนำมาปรุงอาหารทุกครั้ง ควรล้างให้สะอาดทุกครั้งเพื่อขจัดสารเคมีและสิ่งเจือปน โดยเฉพาะคะน้าที่ซื้อมาจากตลาด และการที่เราจะได้ประโยชน์จากคะน้ามากที่สุด ควรทำให้สุกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีการวิจัยพบว่าความร้อนจากการประกอบอาหารจะทำให้คุณค่าทางอาหารของคะน้าลดลง โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ เช่น โพลีฟีนอล เบต้าแคโรทีน และวิตามิน C ส่วนถ้าชอบกินคะน้าแบบสด ๆ ก็ไม่ควรกินมากเกินไป เพราะในคะน้าะมีสารกอยโทรเจน (Goitrogen) ที่มีส่วนยับยั้งการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ อาจทำให้สารกอยโทรเจนเข้าไปขัดขวางการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม จนก่อให้เกิดอาการท้องอืด และรู้สึกไม่สบายท้องเท่าไรนัก
 

ข้าวผัดปลาสลิดกรอบ
 


ส่วนผสม
ข้าวสวย 1 ถ้วยตวง
ปลาสลิดทอดกรอบ 50 กรัม
คะน้าหั่นชิ้น 50 กรัม
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกสดสีแดงทุบ 5 เม็ด
ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง

วิธีทำ
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่กระเทียม พริกสด ลงผัดพอหอม
2. ใส่ไข่ไก่ลงผัดพอสุก ใส่คะน้า ข้าวสวย ลงผัดพอเข้ากัน ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย ลงผัดพอเข้ากัน ยกลง
3. ตักข้าวผัดใส่กล่อง วางเคียงด้วยปลาสลิดทอดกรอบ จัดเสิร์ฟ
 

บะหมี่กรอบน้ำแดง
 


ส่วนผสม
เส้นบะหมี่ 1 ก้อน
กุ้งสดปอกเปลือกผ่าหลังดึงเส้นดำออก 4 ตัว
คะน้าฮ่องกงหั่นชิ้น 100 กรัม
เห็ดหอมแห้งแช่น้ำพอนิ่มบีบน้ำออกหั่นชิ้น 3 ดอก
กระเทียมบุบพอแตก 5 กลีบ
ขิงแก่ปอกเปลือกหั่นแว่นบุบพอแตก 5 แว่น
ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนชา
น้ำมันงา 1/4 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/8 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
น้ำมันพืชสำหรับทอด  
แป้งมันสำปะหลังผสมน้ำเปล่า  

วิธีทำ
1. นำเส้นบะหมี่เคาะเอาผงแป้งออกลงทอดในน้ำมันพืชที่ร้อนพอฟูกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่กระเทียม ขิง เห็ดหอม กุ้ง ลงผัดพอหอม ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย น้ำมันงา พริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่าพอเดือด ใส่คะน้าฮ่องกง ผัดพอสุกเร่งไฟ ใส่แป้งมันสำปะหลังผสมน้ำคนเร็วๆจนน้ำมีลักษณะเหนียวข้น ปิดไฟ ยกลง
3. วางบะหมี่ทอดลงในภาชนะ ราดน้ำแดงที่ผัดไว้ในข้อที่ 2 จัดเสิร์ฟ
 

ข้าวหน้าเนื้อตุ๋น
 


ส่วนผสม
เนื้อวัวสามชั้น 280 กรัม
เครื่องตุ๋นยาจีน (ชุดเล็ก) 1 ชุด
พริกชี้ฟ้าแห้ง 1 เม็ด
กระเทียม 5 กลีบ
พริกไทยเม็ดบุบพอแตก 1/2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 6 ถ้วยตวง
ผักคะน้าฮ่องกงลวก 6 - 7 ต้น
แป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
ข้าวสวย  

วิธีทำ
1. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ตามด้วยเครื่องตุ๋นยาจีน พริกชี้ฟ้า กระเทียม พริกไทยและเนื้อวัว ยกขึ้นตั้งไฟปานกลางพอเดือด
2. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำหวาน ซอสเห็ดหอม น้ำตาลทราย และเกลือป่น ชิมรส เคี่ยวต่อจนเนื้อนุ่มประมาณ 1 ชั่วโมง ตักเนื้อวัวออกมาพัก ให้เย็นและหั่นเป็นชิ้น กรองน้ำ เอาแต่น้ำซุป นำเนื้อวัวกับน้ำซุปใส่ลงหม้อ เคี่ยวต่อจนเดือด นำแป้งมันผสมกับน้ำเปล่า ให้เข้ากัน ใส่ลงหม้อเคี่ยวต่อจนแป้งสุกพอข้น ปิดไฟ ยกลง
3. ตักข้าวสวย เนื้อตุ๋นและคะน้าฮ่องกงใส่กล่อง จัดเสิร์ฟ
 

ยำหมูย่างคำหวาน
 


ส่วนผสม
สันคอหมู  300 กรัม
เกลือป่นหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
ต้นคะน้าปอกเปลือกแช่เย็น 3 ต้น
ใบสะระแหน่  
ผักชี   

ส่วนผสมน้ำยำ
พริกขี้หนูสับ 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำ
1. แล่สันคอหมูเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 1/2  เซนติเมตร
2. ผสมกับเกลือป่น พริกไทยป่น น้ำตาลปี๊บ ซอสหอยนางรม ใส่สันคอหมูคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 20 นาที
3. ผสมพริกขี้หนูสับ กระเทียมสับ น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย คนให้ละลายเข้ากัน
4. นำสันคอหมูหมักขึ้นย่างในกระทะเทฟลอน ด้วยไฟปานกลาง จนหมูสุกทั่วทั้งชิ้น ยกลงพักไว้พออุ่น หั่นชิ้นบาง จัดใส่จานที่รองด้วยต้นคะน้า ราดด้วยน้ำยำในข้อที่ 3 โรยผักชี และใบสะระแหน่จัดเสิร์ฟ
 

ผัดคะน้าหมูนุ่มใส่เต้าเจี้ยว
 


ส่วนผสม
หมูสันนอกหั่นชิ้น 100 กรัม
เบคกิ้งโซดา 1/8 ช้อนชา
ผักคะน้าหั่นชิ้น 100 กรัม
กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนชา
เต้าเจี้ยว 2 ช้อนชา
น้ำเปล่า 2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ผสมเนื้อหมูกับซอสปรุงรส และเบคกิ้งโซดา คลุกเคล้าให้เข้ากันหมักไว้ประมาณ 10 นาที  
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่กระเทียมลงเจียวพอเหลืองหอม ใส่หมูหมักลงผัดพอสุก ตามด้วยผักคะน้า
3. ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย และเต้าเจี้ยว เติมน้ำเปล่า ผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน จัดเสิร์ฟ
 
บทความแนะนำอื่นๆ
สูตรอาหารน่าสนใจ
ข้าวแช่ชาววัง อาหารไทยโบราณเย็นชื่นใจคลายร้อน
ข้าวแช่ คือ อาหารชนิดหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วยข้าวสุกขัดแช่น้ำเย็น (น้ำลอยดอกไม้) กินคู่กับเครื่องเคียงต่าง ๆ อย่างเช่น ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้ง และเครื่องผัดหวานต่าง ๆ โดยเชื่อกันว่า ข้าวแช่นั้นเดิมทีเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญ นิยมทำสังเวยเทวดาในช่วงตรุษสงกรานต์ ต่อมาชาววังรับไปปรับปรุงจึงทำให้ได้ชื่อว่า "ข้าวแช่เสวย" หรือ "ข้าวแช่ชาววัง" ในปัจจุบันข้าวแช่นับว่าหากินง่ายขึ้น ส่วนเจ้าไหนจะถูกหรือจะผิดเพี้ยนไปจากเดิมอันนี้เราไม่ทราบ แต่อย่างไรก็หวังว่าอยากจะให้ขั้นตอนของการทำตัวข้าวแช่นั้นถูกต้องตามแบบฉบับที่เคยมีมา ส่วนเครื่องเคียงต่าง ๆ ก็ปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้เล็กน้อยตามสมัย เพราะบางส่วนผสมก็หาซื้อได้ยากแล้ว ครั้งนี้แม่บ้านเลยขอนำเสนอสูตร "ข้าวแช่ชาววัง อาหารไทยเย็นชื่นใจคลายร้อน" มาฝากเพื่อน ๆ ให้ลองทำตามกันดูในช่วงหน้าร้อนนี้
แสดงความคิดเห็น

* จำเป็นต้องกรอก

คะแนนสำหรับบทความนี้ *
รายละเอียด *
ความคิดเห็น 1 รายการ
Nutcha
woww !!!
ขอบคุณสำหรับเมนู อยากได้เมนูข้าวกลางวันปิ่นโตไปทำงานค่ะ
19 ก.พ. 2563 22:04 น. 0
woww !!!
ขอบคุณสำหรับเมนู อยากได้เมนูข้าวกลางวันปิ่นโตไปทำงานค่ะ
19 ก.พ. 2563 22:04 น. 0
บทความใกล้เคียงดูบทความทั้งหมด