กินข้าวกล่อง แล้วนั่งรถไฟไปอยุธยากัน

แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
3,959    6    -4    6 มี.ค. 2563 13:00 น.
แบ่งปัน

กินข้าวกล่อง แล้วนั่งรถไฟไปอยุธยากัน

   วันนี้ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมเมนูอร่อยใส่กล่องไปเที่ยววันหยุด… สำหรับเมนูครั้งนี้ชื่อว่า “ข้าวหน้าปลาทับทิมย่างซีอิ๊ว กับผัก 5 สี” วัตถุดิบหลักที่ใช้เป็นเนื้อปลาทับทิม ซีพี ที่แวะซื้อจาก Makro ตั้งแต่เมื่อวานมา ฝากเค้าแล่เป็นชิ้นแล้วล้างให้สะอาด พอกลับถึงบ้านนำมาซับให้แห้ง ใส่ตู้เย็นไว้เตรียมย่างตอนเช้า

ทำไมถึงเลือกปลาทับทิม ซีพี สำหรับทริปครั้งนี้เหรอ...ก็เพราะว่าปลาทับทิม ซีพี ตัวอ้วน มีเนื้อแน่นเต็มคำ รสชาติอร่อย ไร้กลิ่นโคลน ก็เพราะว่าปลาทับทิม ซีพี ได้รับการเลี้ยงดูอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการเลี้ยง จากระบบฟาร์มมาตรฐาน ซีพีเอฟ ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายทุกชนิด มีการตรวจสอบคุณภาพในทุกขั้นตอน ตลอดจนการจัดส่งที่ทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับได้ ปลาทับทิม ซีพี ที่ได้จึงสด สะอาด ปลอดภัย อีกทั้งสามารถปรุงเมนูได้หลากหลาย ส่วนครั้งนี้เราเลือกเมนูที่มีสีสันน่ารับประทาน ซึ่งมาพร้อมประโยชน์มากมายจากผัก 5 สี รับประทานเข้ากันดีกับปลาทับทิมย่างซีอิ๊ว รสชาติหวานๆ เค็มๆ รับประทานพร้อมข้าวสวยในกล่อง เหมาะเป็นวันปิคนิคอย่างแท้จริง

ทริปเบา ๆ ไม่ไกล แค่ 80 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ โดยการเดินทางครั้งนี้เรานั่งรถไฟปู๊น ๆ หนีการจราจรอันแออัดมาเดินเล่นในดินแดนแห่งมรดกโลก นครประวัติศาสตร์อย่าง “พระนครศรีอยุธยา” เมืองเก่าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นราชธานีอันรุ่งเรืองเมื่อกว่า 669 ปีที่แล้ว แต่ร่องรอยความยิ่งใหญ่ก็ไม่เคยถูกกาลเวลาลบเลือนหายไป สถานที่แรกคือ วัดนิเวศธรรมประวัติ เป็นวัดไทยที่สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง การข้ามไปยังวัดเราต้องนั่งกระเช้าลอยน้ำ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศใต้ ตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน จุดเด่นคือพระอุโบสถที่มีลักษณะเป็นโดมหอคอยปลายแหลมสูงประดับกระจกสลับสี กรุหน้าต่างทรงโค้งตามอย่างวิหารในสถาปัตยกรรมตะวันตก
 

  

จากนั้นเราก็มุ่งต่อไปยัง ทุ่งบัวแดง บ้านคลองทราย แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีของบ้านคลองทราย-คลองจิก ดอกบัวแดงนับพันต้นแข่งกันบานสะพรั่งเติมความสดใสท่ามกลางผืนนาเขียวขจีที่รายล้อมอยู่รอบด้าน ผืนน้ำอันชุ่มฉ่ำกว่า 15 ไร่ แนะนำให้มาตั้งแต่เช้า ช่วง 6 โมงเช้าจนถึง  10 โมงจะดีที่สุด หลังจากนั้นดอกบัวจะหุบ
 

จุดหมายถัดมาคือ เจดีย์ภูเขาทอง ณ วัดภูเขาทอง ตั้งอยู่นอกเกาะเมืองอยุธยา ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตัวเจดีย์มีความสูงถึง 90 เมตร มีบันไดทางขึ้นอยู่ 4 ทิศรอบด้าน ชั้นบนสุดมองเห็นวิวทิวทัศน์กว้างไกล และอนุสาวรีย์พระนเรศวรทรงม้าศึกอย่างสง่างาม

 

อีกหนึ่งแห่งที่สร้างความประทับใจต้องยกให้ ปราสาทนครหลวง หรือ วัดนครหลวง อีกหนึ่งวัดโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา ตัวปราสาทก่อด้วยอิฐทั้งหลังทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งอยู่บนเขา มีทั้งหมด 3 ชั้น ทุกชั้นจะมีซุ้มระเบียงคดล้อมรอบและมีปรางค์บริวารตามมุมต่าง ๆ อย่างงดงาม มีทางเดินกว้างขวางให้ชมรอบปราสาทได้รอบทิศ

 

ปิดท้ายด้วยการชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ วัดมหาธาตุ หนึ่งในวัดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จากภาพความงดงามแปลกตาของเศียรพระพุทธรูปหินทรายอายุกว่าร้อยปีในรากโพธิ์ข้างวิหาร ส่วนภายในอาณาเขตวัดเต็มไปด้วยร่องรอยของซากโบราณสถานมากมาย บอกเลยว่าแม้แต่ความสวยงามนี้ก็ยังมีชาวต่างชาติแวะเวียนมาชื่นชมไม่ขาด ซึ่งก็คือมนต์ขลังของอยุธยาถึงทำให้เราหลงรักได้เสมอ
 
 

ข้าวหน้าปลาทับทิม CP ย่างซีอิ๊วกับผัก 5 สี

ส่วนผสม
ปลาทับทิม ซีพี แล่เนื้อ 200 กรัม
ผักโขมสด 70 กรัม
มะเขือเทศราชินี 70 กรัม
เบบี้แคร์รอตลวก 70 กรัม
เห็ดออรินจิหั่นชิ้น 70 กรัม
ฟักทองหั่นชิ้นลวก 70 กรัม
ขิงขูด 1/4 ช้อนชา
กระเทียมขูด 1/4 ช้อนชา
โชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น) 3 ช้อนโต๊ะ
มิริน (เหล้าหวานญี่ปุ่น) 1 ช้อนโต๊ะ
สาเก (เหล้าญี่ปุ่น) 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
เนยสดชนิดเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่วสำหรับโรย  
น้ำมันพืช  
ข้าวสวย  

วิธีทำ
1. ผสมขิงขูด กระเทียมขูด โชยุ มิริน สาเก น้ำตาลทรายแดง คนพอเข้ากัน
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยพอร้อน นำปลาทับทิม ซีพี ลงกริลล์ ทาด้วยส่วนผสมข้อที่ 1 จนเนื้อปลาสุก ตักขึ้นพักไว้
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยพอร้อน นำผักโขมลงผัดพอสุก ใส่น้ำมันงา ผัดพอเข้ากัน ตักขึ้น
4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน  ใส่เห็ด มะเขือเทศ ฟักทอง เบบี้แคร์รอต ลงกริลล์พอสุก ใส่เนยสด ผัดพอเข้ากันตักขึ้นพักไว้จัดข้าวสวย ปลาทับทิม ซีพี ย่างซีอิ๊ว และผักต่าง ๆ ใส่กล่อง โรยงาขาว จัดเสิร์ฟ
 
บทความแนะนำอื่นๆ
สูตรอาหารน่าสนใจ
แสดงความคิดเห็น

* จำเป็นต้องกรอก

คะแนนสำหรับบทความนี้ *
รายละเอียด *
ยังไม่มีรีวิว
บทความใกล้เคียงดูบทความทั้งหมด  

Organic Supply “ออร์แกนิค” ไม่ได้เป็นแค่กระแส

ถามว่ากระแสสุขภาพช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง บอกได้คำเดียวว่า “ดี” ถึงขั้นดีมาก เพราะคนไทยเริ่มหันมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่เฉพาะอาหารการกินอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การออกกำลังกาย การดูแลตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเกี่ยวพันกับกระแส “ลดโลกร้อน” ที่กำลังมาแรงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว ถามว่ากระแสสุขภาพช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง บอกได้คำเดียวว่า “ดี” ถึงขั้นดีมาก เพราะคนไทยเริ่มหันมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่เฉพาะอาหารการกินอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การออกกำลังกาย การดูแลตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเกี่ยวพันกับกระแส “ลดโลกร้อน” ที่กำลังมาแรงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว ครั้งนี้อยากพูดเรื่องของกระแสลดโลกร้อน ซึ่งรวมไปถึงเรื่องของ “ออร์แกนิค” คำว่าออร์แกนิคถ้าให้ตีความหมายรวมคงหมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมี ไม่มีการดัดแปลง ไม่ใช่ผลิตผลจากพืชตัดต่อพันธุกรรม (GMOs - Genetically Modified Organisms) โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนของการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค ผ่านกฎง่าย ๆ เพียงแค่ 3 ข้อคือ 1. ส่วนประกอบทุกอย่างมาจากธรรมชาติ 2. ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ เลย 3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการผลิต ถ้าพูดเรื่องนี้เมื่อ 10 ปีก่อนคงเป็นเรื่องที่จับต้องยากพอสมควร แต่ในปัจจุบันนับว่าเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายแล้ว เนื่องจากมีผู้ผลิตมากมายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มีสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคมากมายที่เป็นสินค้าออร์แกนิค รวมถึงร้านอาหารด้วยเช่นกัน ครั้งนี้เรานัดพูดคุยกับเจ้าของร้าน Organic Supply ทั้ง 4 ท่าน เพื่อนำเสนอมุมมองง่าย ๆ เกี่ยวกับ ออร์แกนิค ให้ได้ทราบกันว่าเข้าถึงง่ายกว่าที่หลายคนคิด