Plant Based Diets vs Ketogenic เลือกอย่างที่ชอบเพื่อสุขภาพของคุณ

แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
4,285    7    -4    19 ก.ย. 2562 15:00 น.
แบ่งปัน
สิ่งที่สวยงามของชีวิตบางครั้งไม่ต้องออกไปหาไกล ลองมองรอบ ๆ ตัวเรา จะรู้ว่าความจริงแล้วความสวยงามของชีวิตมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม
       กฎของธรรมชาติวนลูปอยู่รอบตัวเรา การหายใจในทุกช่วงจังหวะ การก้าวเดินในระหว่างวัน รวมไปถึงการใช้ชีวิต หลายคนมองว่าการดำเนินชีวิตในแต่ละวันมันดูซ้ำซากจำเจ แต่ถ้าลองมองลงในรายละเอียดปลีกย่อยลึก ๆ แล้ว คุณสามารถปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตของคุณให้ต่างไปจากเดิมได้ ที่สำคัญคือ “มันง่ายมาก” จนคุณยังตกใจ

       ปรับเวลาในการตื่นให้เช้าขึ้นอีกนิด ช่วงเช้าคุณสามารถทำอะไรได้มากมาย ออกกำลังกายได้ ทำอาหารได้ รดน้ำต้นไม้ได้ หรืออาจจะพาสุนัขออกไปเดินรับลมได้ด้วย ลองแบ่งเวลาดี ๆ แล้วชีวิตจะสนุกขึ้น สิ่งที่สนุกอีกอย่างของการปรับนาฬิกาชีวิตคือ “การเตรียมอาหาร” ปัจจุบันมีอาหารมากมายให้เราเลือกกิน ส่วนสายสุขภาพนั้นบอกเลยว่ามีให้เลือกเยอะจนน่าตกใจกันเลยทีเดียว ไหน ๆ ก็คิดจะเดินทางนี้แล้ว เลยขอเลือกมาแนะนำ 2 แบบ คือ Plant Based Diets และ Ketogenic เป็นเทรนด์สุขภาพมาแรงที่ต่างกันแบบสุดขั้ว นับเป็นกระแสที่น่าจับตาไม่แพ้ร้านไก่ทอดเกาหลีที่เปิดเรียงกันเป็นแถวย่านกลางเมือง
 

       สำหรับ Plant Based Diets เป็นการกินที่เน้นพืชเป็นหลัก โดยพืชผักหรือธัญพืชที่นำมากินต้องเป็นพืชที่ไม่ผ่านการสกัด ไม่ผ่านการขัดสี และไม่ผ่านการแปรรูปใด ๆ ควบคู่ไปกับการไม่กินเนื้อสัตว์ ซึ่งมีงานวิจัยของ ดร.ดีน ออร์นิช และ ดร.แมคดูกัล ที่ระบุว่าการกินอาหารพืชเป็นหลักในรูปแบบใกล้เคียงธรรมชาตินั้นสามารถป้องกันและจัดการกับโรคเรื้อรังได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง ซึ่งเราสามารถแบ่งอาหารออกได้ 5 กลุ่ม คือ “การกินธัญพืชแบบไม่ขัดสี” เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวโพด ลูกเดือย “ถั่ว”  เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ งา และถั่วเปลือกแข็งชนิดต่าง ๆ “ผลไม้ตามฤดู” เช่น มะม่วง ฝรั่ง ชมพู่ มะละกอ กล้วย สับปะรด “ผักใบเขียวทุกชนิด” เช่น ผักปวยเล้ง ใบตำลึง ผักคะน้า ผักบุ้ง “หัวจากพืช” เช่น มันฝรั่ง เผือก บีตรูต หัวผักกาด

       เริ่มต้นการกินอย่างไรไม่ให้เหนื่อยจนเกินไป... ก่อนอื่นต้องเริ่มเตรียมเมนูที่คิดว่าตัวเอง “ไหว” อย่าฝืนตัวเองมากเกินไป เพราะจะทำได้ไม่นาน อาจเริ่มจาก 1 มื้อต่อสัปดาห์ จากนั้นเริ่มขยับมาเป็น 1 มื้อต่อวัน แล้วจึงเปลี่ยนทั้งหมด ใครที่ติดขนมขบเคี้ยวให้ลองเปลี่ยนจากขนมเป็นผลไม้แทน รวมถึงการเปลี่ยนเครื่องดื่มจำพวกที่มีน้ำตาลมากให้เป็นน้ำผลไม้สดปั่นจำพวกสมูทตี้ก็เก๋ดีเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะขาดโปรตีน เพราะเราสามารถกินถั่วและธัญพืชอื่นเสริมได้ รวมถึงขนมปังต่าง ๆ ที่กินจนติดปาก ลองหันมากินแบบโฮลวีทบ้างคงดีไม่น้อย 

      

       เมนูน่าสนใจในแบบฉบับไทย ๆ มีไม่น้อย อย่าง “ส้มตำธัญพืช” ที่ใช้ธัญพืชทั้งของไทยหรือของนอกก็ได้มาทำให้สุก จากนั้นก็ตำให้อร่อยเด็ดแบบไทย มีรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน ครบเครื่อง กินพร้อมกับผักสดได้มากมาย หรือจะลอง “เมี่ยงคำถั่ว 5 สี” ห่อด้วยผักแล้วราดน้ำตาลเคี่ยวจนชุ่ม กินเป็นคำ ๆ แบบไทยโบราณ ได้รสเค็ม ๆ มัน ๆ อร่อยจนหยุดไม่อยู่ สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดกับ “แกงเผ็ดผลไม้ไทย” นำเอาผลไม้ไทยรสเปรี้ยวอมหวานมาผสานกับเครื่องแกง ได้รสกลมกล่อมไม่เหมือนใคร กินกับข้าวก็ได้ขนมจีนก็ดี แกล้มด้วยผักสดอีกหน่อยอิ่มสบายท้อง
 
ใครจะคิดว่าไขมันจากสัตว์ก็มีประโยชน์ เมื่อหลายสิบปีก่อนเห็นรณรงค์กันว่าให้เลิกกินน้ำมันหมู เปลี่ยนมากินน้ำมันพืช แล้วมายุคนี้กลับเปลี่ยนคำ นำพาให้เรากลับไปกินไขมันหมูอีกแล้ว

 

       Ketogenic เป็นทางเลือกเพื่อคนรักสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นการกินที่เน้นไขมันสูง รองมาด้วยโปรตีน โดยลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือในปริมาณที่น้อยมาก ๆ ซึ่งจะส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร่างกายจะเกิดอาการ “กลัวตาย” ซึ่งจากเดิมที่เคยนำกลูโคสในเลือดที่มาจากอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเอย น้ำตาลเอย มาใช้เป็นพลังงาน ร่างกายจำต้องหาแหล่งพลังงานมาแทนที่ นั่นคือมาจากไขมันนั่นเอง กระบวนการนี้ก่อให้เกิดสภาวะการเผาผลาญที่เรียกว่า คีโตสิส (Ketosis) ทำให้เกิดสารที่เรียกว่า คีโตน (Ketone) ในตับ ซึ่งนำมาใช้เป็นพลังงาน หลังจากเริ่มการกินแบบคีโตเจนิกไปหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ร่างกายและสมองอาจรู้สึกล้า เหนื่อยง่าย มีกลิ่นปาก แต่จะค่อย ๆ ปรับจนสามารถนำไขมันและคีโตนมาใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแทนที่คาร์โบไฮเดรตนั่นเอง หรือว่าง่าย ๆ คือภาวะนี้เปลี่ยนให้ร่างกายกลายเป็นเครื่องจักรเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงานในตัวเองนั่นเอง
 
จากผลวิจัยพบว่า
Ketogenic ช่วยลดความอ้วน ลดไขมัน LDL คอเลสเตอรอลในร่างกาย ป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง รักษาโรคลมชัก


       กินอะไร เท่าไร และอย่างไร ดูแล้วเหมือนจะกินง่าย แต่จริง ๆ ไม่หมูสำหรับ Ketogenic เริ่มจาก “ไขมันและน้ำมัน” ต้องเป็นไขมันที่มาจากธรรมชาติ ทั้งพืชและสัตว์ ดังนั้นกินอาหารทอดได้ไม่จำกัด แต่ต้องไม่มีการคลุกแป้งใด ๆ ทั้งสิ้น “โปรตีน” เน้นเนื้อสัตว์ออร์แกนิก ที่ไม่มีการใส่สารให้ความหวานเพิ่ม และต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นสูงอย่างแซลมอนหรือทูน่า รวมถึงไข่ทุกชนิด “พืชผัก” เน้นการกินผักที่โตบนดิน โดยเฉพาะจำพวกผักใบเขียว งดพืชผักที่เป็นหัวทุกชนิด เนื่องจากมีปริมาณของแป้งมากเกินความจำเป็น สามารถดื่ม “นม” ได้ แต่ต้องไม่ใช่นมพร่องมันเนย ส่วน “ชีส” สามารถกินได้ไม่อั้น “งดแอลกอฮอล์” ทุกชนิด แล้วดื่มน้ำเปล่าแทน เก๋หน่อยเป็นโซดาเย็น ๆ บีบมะนาวลงไปไม่ว่ากัน ถั่วและเมล็ดพืชอย่าให้ขาด รวมถึงน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพอย่าง น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว และอโวคาโด 

       ลด ละ เลี่ยง!!! คาร์โบไฮเดรตสูงและน้ำตาลทุกชนิด อาหารข้าวและแป้งต่าง ๆ ทั้ง ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต รวมไปถึงข้าวเจ้า ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวจำพวก พาสต้า พิซซา คุกกี้ ขนมปัง และเค้ก นอกจากนั้นควรเลี่ยง “อาหารแปรรูป” ทุกชนิด รวมถึงสารให้ความหวาน แล้วเปลี่ยนมาเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติอย่างหญ้าหวานแทน “ไขมันทรานส์” อย่างเช่น น้ำมันพืชบางชนิด หรือมาการีน ก็ควรลด และที่สำคัญคือลดผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง อาทิ สับปะรด แตงโม กล้วย หรือมะม่วงสุก ผลไม้อบแห้ง แช่อิ่ม และดองต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน

      การกิน Ketogenic “ไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ต้องรับอินซูลิน” เนื่องจากผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Ketoacidosis หรือร่างกายเป็นกรดจากการมีสารคีโตนในเลือดมาก จึงไม่ควรเพิ่มระดับคีโตนในเลือดเข้าไปอีก รวมถึง “ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำอยู่แล้ว” ผู้ที่ต้องใช้แรงงานอย่างหนัก หรือออกแรงมากในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น คนทำงานก่อสร้าง หรือนักกีฬาบางประเภท อย่างนักวิ่งระยะสั้น เพราะพลังงานจากการสลายไขมันนั้นนำมาใช้ได้ช้ากว่าพลังงานจากกลูโคส

      

       อาหาร Ketogenic ที่อยากแนะนำและคิดว่าน่าจะถูกใจ “หมูสามชั้นผัดกะปิกับข้าวดอกกะหล่ำ” เลือกหมูสามชั้นแบบที่ชอบมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ ผัดกับเครื่องเคราจนสุก ปิดท้ายด้วยการนำมาราดบนข้าวดอกกะหล่ำ อร่อยล้ำจนต้องตักอีกจาน หรือจะลองกินเมนูจานเดียวอย่าง “ข้าวซอยซี่โครงหมูตุ๋น” ที่เลือกใช้เส้นบุกแบบแบนมาแทนบะหมี่ ครบรสตามแบบฉบับอาหารเหนือ ปิดท้ายกับเมนูยอดฮิตอย่าง “หอยทอดสูตรคีโต” เลือกหอยตัวอวบอ้วน ผสมกับแป้งมะพร้าว แล้วปรุงรสจนได้ที่ นำไปทอดจนกรอบ กินพร้อมกับผักสด จะปรุงรสอย่างไรก็ได้ แต่จำไว้ให้มั่นว่าไม่ใส่น้ำตาล

       ไม่อยากให้จำกัดแค่ 2 ทางเลือกนี้สำหรับผู้ที่อยากเปลี่ยน เพราะความจริงแล้วอาหารสุขภาพมีให้เลือกหลากหลาย ลองดูว่าคุณ “เหมาะ” กับแบบไหน หรือ “ไหว” กับรสชาติยังไง เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวคุณเอง


เรื่อง
: TONGTA
ภาพ : ชุลีภรณ์
 
บทความแนะนำอื่นๆ
สูตรอาหารน่าสนใจ
แสดงความคิดเห็น

* จำเป็นต้องกรอก

คะแนนสำหรับบทความนี้ *
รายละเอียด *
ความคิดเห็น 1 รายการ
Sirikul
woww !!!
Whoa tons of helpful advice. casino en ligne Perfectly spoken certainly! . meilleur casino en ligne Beneficial posts Thanks a lot! casino en ligne fiable Valuable information, Regards! meilleur casino en ligne Awesome facts. Many thanks. meilleur casino en ligne With thanks, I enjoy it! casino en ligne Whoa a good deal of superb information. casino en ligne fiable Thank you. Plenty of forum posts! casino en ligne Wow many of terrific material. casino en ligne fiable Amazing data. Many thanks. casino en ligne France
29 พ.ค. 2568 15:53 น. 0
woww !!!
Whoa tons of helpful advice. casino en ligne Perfectly spoken certainly! . meilleur casino en ligne Beneficial posts Thanks a lot! casino en ligne fiable Valuable information, Regards! meilleur casino en ligne Awesome facts. Many thanks. meilleur casino en ligne With thanks, I enjoy it! casino en ligne Whoa a good deal of superb information. casino en ligne fiable Thank you. Plenty of forum posts! casino en ligne Wow many of terrific material. casino en ligne fiable Amazing data. Many thanks. casino en ligne France
29 พ.ค. 2568 15:53 น. 0
บทความใกล้เคียงดูบทความทั้งหมด  

Organic Supply “ออร์แกนิค” ไม่ได้เป็นแค่กระแส

ถามว่ากระแสสุขภาพช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง บอกได้คำเดียวว่า “ดี” ถึงขั้นดีมาก เพราะคนไทยเริ่มหันมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่เฉพาะอาหารการกินอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การออกกำลังกาย การดูแลตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเกี่ยวพันกับกระแส “ลดโลกร้อน” ที่กำลังมาแรงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว ถามว่ากระแสสุขภาพช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง บอกได้คำเดียวว่า “ดี” ถึงขั้นดีมาก เพราะคนไทยเริ่มหันมาสนใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่เฉพาะอาหารการกินอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การออกกำลังกาย การดูแลตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเกี่ยวพันกับกระแส “ลดโลกร้อน” ที่กำลังมาแรงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว ครั้งนี้อยากพูดเรื่องของกระแสลดโลกร้อน ซึ่งรวมไปถึงเรื่องของ “ออร์แกนิค” คำว่าออร์แกนิคถ้าให้ตีความหมายรวมคงหมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมี ไม่มีการดัดแปลง ไม่ใช่ผลิตผลจากพืชตัดต่อพันธุกรรม (GMOs - Genetically Modified Organisms) โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนของการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค ผ่านกฎง่าย ๆ เพียงแค่ 3 ข้อคือ 1. ส่วนประกอบทุกอย่างมาจากธรรมชาติ 2. ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ เลย 3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการผลิต ถ้าพูดเรื่องนี้เมื่อ 10 ปีก่อนคงเป็นเรื่องที่จับต้องยากพอสมควร แต่ในปัจจุบันนับว่าเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายแล้ว เนื่องจากมีผู้ผลิตมากมายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มีสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคมากมายที่เป็นสินค้าออร์แกนิค รวมถึงร้านอาหารด้วยเช่นกัน ครั้งนี้เรานัดพูดคุยกับเจ้าของร้าน Organic Supply ทั้ง 4 ท่าน เพื่อนำเสนอมุมมองง่าย ๆ เกี่ยวกับ ออร์แกนิค ให้ได้ทราบกันว่าเข้าถึงง่ายกว่าที่หลายคนคิด