ปรุงค่ำ กินเช้า... Slow Cooking

แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
แเสดงความคิดเห็น
ถูกใจ
8,566    9    -4    17 ต.ค. 2562 13:00 น.
แบ่งปัน
       การเลือกรับประทานอาหารที่ดีไม่ใช่เรื่องยากสำหรับยุคนี้ เนื่องจากมีร้านอาหารมากมายเปิดขึ้นเพื่อรองรับผู้บริโภค แต่จะให้จ่ายเงินไปกับร้านอาหารทุกวันก็คงไม่ไหว เนื่องจากรายได้ของหลาย ๆ ครอบครัวไม่ได้มากอะไรนัก ไหนจะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากมาย จะให้มานั่งทำอาหารทุกเช้าก็เกรงว่าจะไม่ทันมาทำงาน ดังนั้นการทำอาหารในช่วงค่ำ แล้วนำมารับประทานในมื้อเช้าเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย
 

ในหนังสือหลายเล่มพูดถึงเรื่องการทำอาหารแบบ Slow Cooking หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “การทำอาหารแบบช้า ๆ” โดยใช้ไฟอ่อน และใช้ระยะเวลาในการทำที่นานกว่าปกติ ในเมืองนอกคุณแม่บ้านมักมีผู้ช่วยเป็นหม้อตุ๋นอาหารที่เรียกว่า Slow Cooker ซึ่งสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลาย อีกทั้งยังช่วยตัดปัญหาความวุ่นวายในการทำอาหารได้ดีกว่าที่คิด เพียงแค่เตรียมวัตถุดิบให้พร้อมนำใส่ลงในหม้อ ตั้งเวลาและระดับความร้อน รอให้เครื่องทำงานเสร็จคุณก็จะได้อาหารอุ่น ๆ ไว้รับประทานกันแล้ว ด้วยความสะดวกนี้จึงทำให้อาหารประเภท Slow Cooking เป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ เนื่องจากคุณสามารถทำอาหารไว้ในช่วงค่ำ แล้วรับประทานได้ทันทีในมื้อเช้า อีกทั้งรสชาติของอาหารที่ได้จะมีความเข้มข้น นุ่มละมุน เนื่องจากเครื่องปรุงต่าง ๆ จะแทรกเข้าไปในเนื้อสัตว์ ซึ่งช่วยทำให้อาหารอร่อยขึ้น รวมไปถึงอาหารแบบ Slow Cooking ก็ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะการใช้ความร้อนนาน ๆ แบบ Slow Cooking ยังช่วยฆ่าเชื้อโรคหรือแบคทีเรียที่อาจติดมากับเนื้อสัตว์ได้อย่างดี การตุ๋นช่วยทำให้อาหารเปื่อยนุ่มง่ายต่อการย่อยของร่างกาย และรักษาคุณค่าทางโภชนาการของอาหารได้มากกว่าการทอดซึ่งใช้ความร้อนสูงและมีน้ำมันอีกด้วย
 

เนื้อสัตว์ที่นิยมนำมาทำอาหารประเภท Slow Cooking มักเป็นเนื้อสัตว์ที่มีเส้นใยค่อนข้างมาก จำพวก เนื้อวัว เนื้อแพะ เนื้อแกะ เนื้อหมู และเนื้อเป็ด เนื่องจากเป็นการปรุงอาหารที่ใช้เวลานาน ดังนั้นถ้านำเนื้อสัตว์ที่มีเส้นใยน้อย อาทิ เนื้อปลา หรือเนื้อไก่ จะทำให้อาหารเปื่อยยุ่ยเกินไปจนไม่น่ารับประทาน ครั้งนี้จะขอยกตัวอย่าง เนื้อวัว ที่มักถูกนำมาทำเมนูตุ๋นอยู่บ่อยครั้ง เนื้อวัวนั้นจะแบ่งความนุ่มออกเป็น 3 ประเภท คือ เนื้อนุ่มมากที่สุด ได้มาจากส่วนหลังของวัว ได้แก่ Rib, Sirloin, Tenderloin เป็นเนื้อที่เหมาะสำหรับนำไปทอด ย่าง หรืออบ เนื้อนุ่มปานกลาง ได้แก่ เนื้อจากบริเวณโคนขาและสะโพก และเนื้อจากบริเวณหัวไหล่ เป็นเนื้อที่เหมาะสำหรับนำไป ต้ม ตุ๋น และทำเนื้อบด สุดท้ายคือ เนื้อนุ่มน้อยที่สุด ได้แก่ เนื้อจากบริเวณตอนกลางลำตัวด้านท้อง ด้านอก ส่วนต้นขาด้านหน้า และส่วนคอ เหมาะสำหรับนำไป ตุ๋น ทำสตู และเนื้อบด 

การทำอาหารในรูปแบบ Slow Cooking นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทำอาหารเพื่อรับประทานเอง เพราะนอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังได้คุณค่าทางอาหารอีกด้วย ส่วนใครที่คิดเมนู Slow Cooking ไม่ออก ลองดูสูตรการทำอาหารที่เรานำเสนอ แล้วนำมาปรับแต่งเพื่อให้เข้ากับคนในบ้าน เพื่อความสะดวกอาจลองซื้อหม้อตุ๋นที่เรียกว่า Slow Cooker มาลองใช้ เราเชื่อว่าคุณจะหลงรักเมนูจากอาหารประเภท Slow Cooking อย่างแน่นอน
 

Rotisserie Chicken Congee (โจ๊กสมุนไพรจีนและเนื้อไก่)
เป็นการนำข้าวมาตุ๋นจนเปื่อยร่วมกับสมุนไพรจีน อาทิ เก๋ากี้ พุทราแห้ง จากนั้นใส่เนื้อไก่ฉีกลงไป
 

ส่วนผสม
ข้าวหอมมะลิ (ดิบ) 1 1/2 ถ้วยตวง
เนื้ออกไก่ต้มสุกฉีกเป็นเส้น 250 กรัม
ขิงบด 1 ช้อนโต๊ะ
พุทราจีนแห้งนำเมล็ดออกแช่น้ำจนนิ่ม 12 ลูก
น้ำซุปไก่ 12 ถ้วยตวง
เก๋ากี้แช่น้ำจนนุ่ม 30 กรัม
เกลือป่น 2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่นเล็กน้อย
น้ำมันงา
ขิงซอย
ต้นหอมซอย

วิธีทำ
1. ซาวข้าวให้สะอาดใส่ลงในหม้อตุ๋น ใส่ขิงบด พุทราจีน น้ำซุปไก่ เปิดไฟแรงตุ๋นประมาณ 4 ชั่วโมง
2. ใส่เนื้ออกไก่ เก๋ากี้ ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทยป่น คนให้เข้ากัน (ถ้าน้ำแห้งเกินไปให้เติมน้ำซุปหรือน้ำเปล่าเพิ่ม)
3. ตักใส่ภาชนะ โรยต้นหอมซอย ขิงซอย น้ำมันงาเล็กน้อย จัดเสิร์ฟ
 

Apple Maple Pork Loin (หมูตุ๋นแอปเปิล)
ทำโดยการใช้หมูชิ้นใหญ่ (สันนอก) ตุ๋นรวมกับแอปเปิลและหอมหัวใหญ่ เพิ่มรสหวานด้วยน้ำเชื่อมเมเปล
 

ส่วนผสม
หมูสันนอก 1 กิโลกรัม
แอปเปิลเขียวปอกเปลือกหั่นชิ้นบาง 1 ลูก
เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำบดหยาบ 1/2 ช้อนชา
ผงซินนามอน 1/2 ช้อนชา
หอมหัวใหญ่ซอย 100 กรัม
น้ำเชื่อมเมเปิล 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำสต๊อกหมู 1/2 ถ้วยตวง
 
ส่วนผสมซอสสำหรับราด
น้ำสต๊อกหมู 1/4 ถ้วยตวง
เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำบดหยาบ 1/4 ช้อนชา
ผงซินนามอน 1/4 ช้อนชาฃ

วิธีทำ
1. ใช้มีดกรีดเนื้อหมูสับหว่างกันทั้งชิ้น ใส่แอปเปิลเขียวลงในช่องที่กรีดไว้จนครบ เตรียมไว้
2. ผสมหอมหัวใหญ่ เกลือป่น พริกไทยดำ ผงซินนามอน น้ำเชื่อมเมเปิล น้ำสต๊อกหมู เนื้อหมูที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. นำส่วนผสมข้อที่ 2 ใส่ลงในถาดสำหรับอบ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 3 1/2 ชั่วโมง หรือจนหมูสุก ตักเนื้อหมูขึ้นพักไว้
4. เตรียมส่วนผสมซอสสำหรับราด โดยเทน้ำที่เหลือจากการอบใส่ลงในหม้อ เติมน้ำสต๊อกหมู ยกขึ้นตั้งไฟ ปรุงรสด้วย เกลือป่น พริกไทยดำ ผงซินนามอน คนพอเข้ากัน เคี่ยวต่อพอส่วนผสมมีลักษณะเหนียวข้น ตักขึ้นพักไว้
5. หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้น จัดใส่ภาชนะ ราดด้วยส่วนผสมข้อที่ 4 จัดเสิร์ฟ
 

Crock Pot Stuffed Cabbage Rolls (กะหล่ำปลีม้วนตุ๋นซอสมะเขือเทศ)
เป็นการนำกะหล่ำปลีที่ลวกสุกแล้วมาห่อด้วยหมูสับปรุงรส จากนั้นนำใส่ในหม้อตุ๋น พร้อมกับเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ตุ๋นจนนุ่ม
 

ส่วนผสม
เนื้อหมูบด 200 กรัม
เนื้อวัวบด 250 กรัม
เบคอนหั่นชิ้นเล็ก 100 กรัม
ข้าวหอมมะลิ (ดิบ) 1 ถ้วยตวง
ใบกะหล่ำปลี 10 ใบ
หอมหัวใหญ่สับ 1/4 ถ้วยตวง
พาร์สเลย์สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
ผักชีลาวสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะเขือเทศ 2 ถ้วยตวง
ผงกระเทียม 1 ช้อนชา
เกลือป่นหยาบ 1 ช้อนชา
พริกไทยดำบดหยาบ 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
น้ำเปล่า
น้ำเย็น

วิธีทำ
1. ซาวข้าวหอมมะลิ กับน้ำเปล่าให้สะอาด ใส่ตะแกรงพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ผสมเนื้อหมู เนื้อวัว ข้าวหอมมะลิ หอมหัวใหญ่ พาร์สเลย์ ผักชีลาว ผงกระเทียม เกลือป่น พริกไทยดำน้ำตาลทราย ลงในอ่างผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน ฟาดส่วนผสมจนมีลักษณะข้นเหนียว
3. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด นำไปกะหล่ำปลีลงลวกให้สุก ตักขึ้นแช่ไว้ในน้ำเย็น
4. นำส่วนผสมที่ได้มาปั้นเป็นก้อนกลม น้ำหนักประมาณ 80 กรัม วางลงในกะหล่ำปลีม้วนให้แน่น
5. เรียงส่วนผสมใส่ลงในหม้อตุ๋น เทน้ำมะเขือเทศลงไป โรยเบคอนให้ทั่ว ตุ๋นด้วยไฟอ่อน ประมาณ 7-8 ชั่วโมง จัดเสิร์ฟ
 

Spinach and Artichoke Dip (ผักโขมตุ๋นชีส)
เป็นการนำชีสชนิดต่าง ๆ มาตุ๋นรวมกัน เป็นของรับประทานเล่นคู่กับขนมปัง แครกเกอร์ หรือมันฝรั่งทอด
 

ส่วนผสม
ผักโขมสดหั่นชิ้น 100 กรัม
มอซซาเรลลาชีสขูด 1 ถ้วยตวง
ครีมชีส 1 ถ้วยตวง
พาร์มีซานชีสขูด 1/4 ถ้วยตวง
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
อาร์ทิโชก (ชนิดกระป๋อง) หั่นชิ้น 100 กรัม
พริกไทยดำบดหยาบ 1/4 ช้อนชา
แครกเกอร์

วิธีทำ
1. ใส่มอซซาเรลลาชีส ครีมชีส พาร์มีซานชีส กระเทียมสับ ผักโขม อาร์ทิโชค พริกไทยดำบดหยาบ ลงในหม้อตุ๋น คนพอเข้ากัน
2. เปิดไฟอ่อนตุ๋นประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าส่วนผสมละลาย ตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟพร้อมแครกเกอร์
 

Sweet Potato Casserole (มันหวานอบซินนามอน)
เป็นการนำมันหวานต้มสุกมาบดจนเนียนพร้อมกับปรุงรสด้วย เนย น้ำตาลทรายแดง ซินนามอน ปิดท้ายด้วยการใส่พีแคนนัท และมาร์ชแมลโลว์ลงไป แล้วนำไปอบต่อจนสุก
 

ส่วนผสม
มันหวานหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 1 กิโลกรัม
น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง
เนยสดชนิดเค็มพักไว้ให้นุ่ม 1/4 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง
กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
ซินนามอน 2 ช้อนชา
มาร์ชแมลโลว์ขนาดเล็ก 1 ถ้วยตวง
พีแคนนัทอบสุก 1/2 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า

วิธีทำ
1. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่มันหวานลงต้มพอสุก ตักขึ้น
2. ผสมมันหวานต้มสุก น้ำตาลทรายแดง เนยสด น้ำเปล่า กลิ่นวานิลลา ซินนามอน คนพอเข้ากัน
3. เทส่วนผสมที่ได้ ใส่ภาชนะสำหรับอบ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 1 1/2 ชั่วโมง หรือจนสุก
4. ใส่พีแคนนัท มาร์ชแมลโลว์ อบต่อจนเหลือง ยกลง จัดเสิร์ฟ



เรื่อง : TONGTA
ภาพ : ชุลีภรณ์
 
บทความแนะนำอื่นๆ
สูตรอาหารน่าสนใจ
แสดงความคิดเห็น

* จำเป็นต้องกรอก

คะแนนสำหรับบทความนี้ *
รายละเอียด *
ยังไม่มีรีวิว
บทความใกล้เคียงดูบทความทั้งหมด  

11 เมนูโกอินเตอร์จากผลิตภัณฑ์มันฝรั่งแช่แข็ง รสชาติอร่อยแบบออริจินัลจากหลายสัญชาติ

อาหารต้นตำรับ เป็นอาหารที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชนชาตินั้น ๆ ได้ดีที่สุด ทั้งลักษณะความเป็นอยู่ ความเจริญ ภูมิประเทศ อากาศ ซึ่งแต่ละประเทศนั้นมีความโดดเด่นต่างกันออกไป เราจะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์บางอย่างก็เกิดขึ้นจากเมนูอาหารของชาตินั้น ๆ ส่วนการนำอาหารออริจินัลมาดัดแปลงนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เนื่องจากวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไปทำให้อาหารถูกปรับเปลี่ยนไปได้เช่นกัน การรับประทานอาหารให้อร่อยจึงขึ้นอยู่กับการดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยนั่นเอง